คนบางคนปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปแต่ละวันโดยไม่เคยรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่บางคนก็ชัดเจนและเลือกที่จะดำเนินชีวิตในแบบที่อยากเป็น คุณ ทิววัฒน์ ภัทรกุลวณิชย์ หรือคุณ หมอ ก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ตัวเองตั้งแต่เด็กๆ ว่ารักชอบการเขียนรูปและการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจ จึงรีบหันเหจากการเป็นนักเรียนเซนต์คาเบรียลไปเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป์ จากนั้นจึงเข้าเรียนในคณะมัณฑนศิลป์ ศิลปากร และเดินเข้าสู่เส้นทางสายนักเขียนการ์ตูนการเมืองโดยเริ่มจากหนังสือพิมพ์คู่แข่งรายสัปดาห์เป็นแห่งแรก และสยามโพสต์ สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ในเวลาต่อมา คุณหมอเล่าว่าเขาคงจะไม่ได้เขียนภาพสีน้ำหากไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น ช่วงนั้นเขารู้สึกหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง เพราะพิษเศรษฐกิจทำให้ผู้คนและบ้านเมืองดูเศร้าหมอง คุณหมอจึงหันมาคว้ากระดาษ สีน้ำ และพู่กัน ออกตระเวณทั่วกรุงเทพเพื่อบันทึกภาพประทับใจตามสถานที่ต่างๆ ผสานเรื่องราวที่บางครั้งก็วิเคราะห์วิจารณ์สังคม บางครั้งก็เป็นเกร็ดความรู้ แบบที่เขาเรียกว่า เขียนสีน้ำเล่าเรื่อง หลังจากผมเขียนการ์ตูนได้พักหนึ่ง พอดีทางเนชั่นได้จัดทำเสาร์สวัสดีแทรกในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ จึงถามว่าผมจะมีอะไรเขียนหรือไม่ ผมเลยลองเสนองานเขียนสีน้ำเล่าเรื่องไป ปรากฏว่าทางเนชั่นตอบตกลง งานอดิเรกของผมจึงกลายมาเป็นงานประจำอีกอย่างหนึ่ง เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่างงานเขียนการ์ตูนการเมืองกับการเขียนสีน้ำเล่าเรื่อง คุณหมอกล่าวว่างานทั้งสองอย่างแตกต่างกันในทางเทคนิคและการแสดงออก โดยเปรียบเทียบว่าการ์ตูนการเมืองของเขาเหมือนหมาดุๆ จิ๊กโก๋หน่อยๆ บางทีก็ขย้ำคอเขาบ้าง โดนเขาไล่เตะมาบ้าง แต่การเขียนสีน้ำเหมือนหมาเด็กที่คันฟัน งับใครไม่เข้ามีแต่เจ็บๆ คันๆ สำหรับผู้ที่อยากเขียนภาพสีน้ำ
คุณหมอฝากบอกว่า เขียนเลยครับ ขอให้เริ่มต้นจากความรักอยากจะเขียนแล้วค่อยๆฝึกปรือขึ้นมา
หลายคนแม้ไม่เคยทำมาก่อนเลยก็จะทำได้ดีเพราะเรามีความรักเป็นทุนอยู่แล้ว
อย่ากลัวว่าถ้ามีคนเห็นจะบอกว่ามันไม่ดี ไม่สวย ให้รู้สึกเหมือนเรากำลังร้องเพลงในห้องน้ำ
ร้องให้เต็มที่ พอเราร้องได้คล่องแล้วอยากร้องโชว์ก็ฝึกอีกนิด แอบฟังเขาร้องบ้างเพื่อนำมาปรับปรุงตัวเรา
คุณหมอเปรียบเทียบไว้อย่างน่าฟัง |