อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
เชื่อตามคำแนะนำของเจ้าถิ่นเลยต้อง หยุดพักอีก 1 วัน ไปเที่ยว เส้นทางสายหลักที่เมืองพิมาย หรืออำเภอ พิมายในปัจจุบัน ห่างจากตัวเมืองขึ้นไป ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพียงแค่ 60 กิโลเมตร อุทยานประวัติศาสตร์พิมายบัดนี้กลับคืนสู่ ความสง่างามโดดเด่นอีกครั้ง ในฐานะของปราสาทหิน ที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทยที่ตั้งอยู่บนที่ราบสะท้อน ภาพความเป็นศูนย์กลางและปากประตูสำคัญ จากลุ่มแม่น้ำมูลไปสู่เมืองพระนครของอาณาจักรกัมพูชา และบ้านเมืองในเขตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมาได้อย่างเต็มภาคภูมิหลังจากกรมศิลปากร ได้เข้ามา บูรณะ ซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้างเมื่อสิบปีก่อน

เรื่องราวของพิมาย เมืองแห่งลุ่มแม่น้ำมูล ทีฝังเรื่องราวในอดีต ที่ชวนให้น่าขุดค้น เหตุใดปราสาทหินพิมายจึงได้หันหน้า ไปทาง ทิศใต้ เผชิญความยิ่งใหญ่อลังการ ของพระนคร แห่งอาณาจักร กัมพูชาอย่างไม่พรั่นพรึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชองค์สุดท้าย ของกัมพูชามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง ปราสาทหิน บนพื้นที่ราบลุ่ม ริมแม่น้ำมูลแห่งนี่มากน้อยเพียงใด บรรดายุวมัคคุเทศก็ท้องถิ่น จากโรงเรียนพิมายวิทยาที่ผ่านการ อบรม หลักสูตรยุวมัคคุเทศก์จาก การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย จะให้คำตอบ อย่างคล่องแคล่ว จากความผูกพันด้วยจิตวิญญาณที่เติบโต ขึ้นมาพร้อมกับการบูรณะ ซากปรักหักพังให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง

ปราสาทหินพิมายได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกขอม อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทยที่ชาวพิมายภาคภูมิใจยิ่งนัก ตลอดจนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พัฒนาปราสาท หินพิมาย แหล่งท่องเที่ยวสำคัญขอเมืองโคราช กันอย่างดี

ยามตะวันบ่ายคล้อยดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนลงมาเรื่อย ขับเหลี่ยมมุม ของยอดปราสาทให้เป็นเชิงชั้นลดหลั่นงดงาม ช่างภาพกำลังบันทึก ภาพความสวยงามตะการตา ของปราสาทหินพิมาย อย่างขะมัก เขม้นเพราะรู้กันดีว่า ปราสาทหินแห่งนี้แปลก กว่าปราสาทหิน แห่งอื่นๆ ตรงที่หันหน้าไปทางทิศใต้ ไกด์บริษัททัวร์ ต่างประเทศ กำลังอธิบายเรื่องราว ของเขาชื่นชอบ ปราสาทหินพิมาย มากกว่า เป็นปราสาทินที่มีความ งดงามสมบูรณ์แบบ และเป็นต้นแบบ การเรียนรู้เรื่องราว ประวัติศาสตร์โบราณคดีตามเส้นทาง อารยธรรม ขอมได้อย่างดีทีเดียว

แม้ไม่ได้เห็นนครวัดก็ไม่เสียใจเลย….ว่าเข้านั่น