2. หอคำหลวง
เพื่อปวงราษฎร์
ถ้าเปรียบบริเวณงานราชพฤกษ์เป็นนครสักแห่งหนึ่ง
หอคำหลวง ก็คือพระราชวังอันนับเป็นส่วนอาคารจัดแสดงที่โดดเด่นที่สุดของงานเลยก็ว่าได้
สถาปัตยกรรมอันงดงามตระการตาแบบล้านนาประยุกต์นี้ตั้งอยู่บนเนินบริเวณเชิงเขาที่เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยคำอันเก่าแก่
เมื่อคุณมายืนอยู่ตรงลานหน้าซุ้มประตูช้าง คุณจะแลเห็นหอคำหลวงนี้จากบริเวณถนนทางเข้าสู่ตัวหอที่ตกแต่งอย่างงดงามด้วยซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ
30 ซุ้ม แต่ละซุ้มมีกรอบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ขนาบด้วยต้นราชพฤกษ์ตลอดสองข้างทาง
หอคำหลวงนี้ใช้ในการจัดแสดงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดชมก็คือที่ชั้นบนของหอคำหลวง ที่จัดทำประติมากรรมเป็นสัญลักษณ์ของต้นไม้แห่งทศพิธราชธรรม
ซึ่งมีชื่อว่า ต้นบรมโพธิสมภาร มีใบไม้ 21,915 ใบ เท่ากับจำนวนวันที่ทรงครองราชย์ตลอดระยะเวลา
60 ปี โดยจัดทำเป็นอักษรนูนต่ำที่มีข้อความเป็นภาษาบาลีเกี่ยวกับเรื่องทศพิธราชธรรมเพื่อใช้เป็นที่สำหรับให้ประชาชนมาสักการะ
ส่วนบริเวณชั้นล่างของหอคำหลวงแสดงนิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ
และซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ ที่เกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ
ที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตรและความเป็นกษัตริย์นักพัฒนาของพระองค์
โดยจัดแบ่งพื้นที่ภายในห้องนิทรรศการหลักออกเป็นโซนต่างๆ
9 โซน ซึ่งล้วนน่าชมและไม่พลาดอย่างยิ่ง
3. สวนเฉลิมพระเกียรติฯ
เมื่อผ่านทางเข้าหลักมาแล้ว
เส้นทางจะนำคุณไปยังบริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ส่วนแรกจะเป็นส่วนจากองค์กรต่างๆ
ในประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชนโดยทฤษฎีการเกษตรของในหลวงมาเป็นแนวคิดการจัดสวน
เช่น ทฤษฎีหญ้าแฝกรักษาการยึดตัวของดิน และทฤษฎีการเกษตรแบบพอเพียง
เป็นต้น หลายองค์กรจัดสวนได้อย่างน่าสนใจ เช่น สวนฉลองราชาฯของทางกรุงเทพมหานคร
มีการจำลองเสาชิงช้ามาตั้งไว้ท่ามกลางสวนสวย เรียกความสนใจให้คนเข้าชมได้ไม่น้อย
บริเวณซึ่งถัดจากสวนองค์กรมาจะเป็นพื้นที่การจัดแสดงสวนของประเทศต่างๆ
31 ประเทศ จาก 4 ทวีปทั่วโลกซึ่งมาร่วมเฉลิมพระเกียรติในนามของประมุข
รัฐบาล และประชาชนของประเทศนั้นๆ การจัดสวนของแต่ละประเทศนอกจากจะนำพรรณไม้ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละแห่งมาปลูกตกแต่งอย่างงดงามแล้ว
ยังมีการจัดแสดงให้เห็นความงดงามทางวัฒนธรรมและความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยอีกด้วย
ส่วนที่โดดเด่นเป็นที่ฮือฮาและมีคนมาหยุดแวะชมมากที่สุดเห็นจะเป็นสวนของประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งนอกจากจะมีการจำลองภูเขาไฟฟูจิมาให้ชมในบรรยากาศของสวนญี่ปุ่นขนานแท้
ที่งดงามและแฝงไว้ด้วยคติธรรมแห่งการดำรงชีวิตแล้ว ยังมีสิ่งพิเศษที่ห้ามพลาดชมอย่างยิ่ง
คือต้นบัวโอกะฮาสุ ที่ได้มาจากการเพาะเมล็ดที่มีอายุกว่า
2,000 ปี ซึ่งถูกค้นพบโดยบังเอิญต้นบัวพิเศษนี้เคยนำไปจัดแสดงเพียง
2 แห่งในโลกเท่านั้น คือ ที่พระราชวังอิมพีเรียล แล้วก็ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว
นอกจากนี้ ภายในอาคารของสวนญี่ปุ่นยังมีการจัดแสดงพิธีชงชาให้ชมอีกด้วย
นอกจากสวนดอกทิวลิปอันน่าตื่นตาของประเทศเนเธอร์แลนด์
(ที่ตอนเขียนเรื่องเหี่ยวเสียแล้ว ต้องรอรอบสอง ตอนต้นเดือนธันวาคม
และรอบสาม กลางเดือน มกราคม แต่ละรอบคาดว่าจะมีอายุการแสดงความงามราว
10-15 วัน แล้วก็จะเฉาเพราะความร้อนบ้านเรา) สวนจากทวีปยุโรปที่ดูโมเดิร์นที่สุดคงต้องยกให้กับสวนของประเทศเบลเยี่ยม
ที่จัดแสดงในรูปแบบศิลปะร่วมสมัย พร้อมทั้งนำเอาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านพืชสวนมาจัดแสดงด้วย
เช่น การตัดต่อพันธุกรรมพืชชนิดใหม่ๆ หรือสนามหญ้าเทียมที่ทำได้เกือบเหมือนต้นหญ้าจริงๆ
และที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับโซนสวนนานาชาตินี้ไม่น้อยเลยก็คือสวนในกลุ่มทวีปแอฟริกา
ไม่ว่าจะเป็นเคนยา โมร็อกโก และแอฟริกาใต้ ที่ต่างก็มีรูปแบบสวนและพรรณไม้อันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
|