1. จัดระบบการหาข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาราคาซื้อขาย เช่น การหาข้อมูลจากสิ่งพิมพ์, Internet หรือ จากลูกค้า หรือ
Supplier โดยมีการประมวลข้อมูลสรุปทุกเดือน เช่น ราคาน้ำมัน,เม็ดพลาสติก,กระดาษ,ไม้,ยาง, Solvent, LME, Exchange
Rate Yen/ WON/GBP/DM/CHF, Titanium
2 พิจารณาแหล่งการซื้อในประเทศและต่างประเทศ, Rate หรือเงินตราที่ควรซื้อ, ในการหาซื้อวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ ในต้นทุนที่ถูกที่สุด
3. พิจารณาหา Source การซื้ออะไหล่ในประเทศและต่างประเทศที่ได้ของรวดเร็วและราคาถูกและสะดวกในการสั่งซื้อ เน้นการซื้อตรงจากผู้ผลิตหรือ OEM
4. พิจารณารูปแบบการสั่งซื้อเหล็กและอะไหล่ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อลดค่าใช้จ่ายเอกสาร, ค่า Shipping, Packing ค่า Clearance และค่า Freight
5. สรุปรูปแบบการสั่งซื้อตามหลัก A,B,C, Analysis พร้อมกำหนดแนวทาง Reorder Point, Order Quantity และ Lead Time ให้ชัดเจน
6. จัดระบบการประเมินและคัดเลือกผู้ส่งวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ ทั้งต้นทุน,คุณภาพ, การบริการ, การตอบสนอง
7. พัฒนา Supplier หลัก โดยใช้การเยี่ยมเยียน, การ Audit รวมทั้งติดตามปัญหา SCAR ที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก
8. ร่วมมือกับฝ่าย R&D พัฒนาสินค้าร่วมกับ Supplier เพื่อให้เป็นผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลูกค้าต้องการออกสู่ตลาด
เช่น กระป๋องแลคเกอร์แบบใหม่, ความหนาเหล็กแบบใหม่
9. ศึกษาขั้นตอนการจัดซื้อ การรับของ และการอนุมัติ ให้ลดขั้นตอน แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วขึ้น
10. ลดความซับซ้อนของการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ โดยพยายามลดชนิดของวัตถุดิบลง หรือลดจำนวน Supplier ลง โดยอาศัยวัตถุดิบที่เป็น
Versatile หรือ Supplier ที่สามารถผลิตของหลากหลายได้