Banner background image
หางานดี ต้องมีรีวิวบริษัทได้งานดีต้องมี Super Resumeค้นหางานเลย!
banner_model
รบกวนแชร์ให้หน่อยนะคะ
แชร์
I love You by JOBTOPGUN
หางาน

ตามสายอาชีพ

ตามประเภทธุรกิจ

pin

pin

ร่วมงานกับ 'Dream Company'องค์กรที่ดูแลพนักงานได้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ใน 4 มิติ ชีวิตดี งานดี เงินดี สังคมดี
SKILLKAMP X FTI ACADEMY
dream company
You Say HR Say
Salary Jobs 50,000 THB
Internship Jobs
you-say-hr-sayอ่านรีวิวจากบริษัทที่น่าสนใจ
แต่ละสายอาชีพชีวิตเป็นอย่างไร
career guide image prop

อ่านชีวิตจริงของ 26 สายอาชีพ จากคนทำงานกว่า 40,000 คน

อ่านเลย! คลิก
career guide banner mobile

เชื่อหรือไม่? เรซูเม่ที่ดี ช่วยสร้างโอกาสในการหางานได้มากกว่า!

เรซูเม่ มีความสำคัญอย่างมากในขั้นตอนการรับสมัครงาน เนื่องจากเป็นเอกสารที่ถูกใช้ในการประเมินคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้สมัครในการทำงานร่วมกับองค์กรหรือบริษัท ซึ่งบริษัทจะใช้เรซูเม่เป็นเครื่องมือในการทำความรู้จักและศึกษาเรื่องราว รวมถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับตัวคุณ ดังนั้น เรซูเม่จึงส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเรียกสัมภาษณ์ หรือการเสนอตำแหน่งงาน เพราะยิ่งเรซูเม่ของคุณมีความโดดเด่นตรงตามความต้องการของบริษัทมากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยสร้างความน่าสนใจ เสริมโอกาสในการสมัครงานและการถูกเรียกสัมภาษณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น

การจะสร้างเรซูเม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการหางานทำได้นั้น มีปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องคำนึงถึง ดังนี้

  • กำหนดเป้าหมายหลักในการสร้างเรซูเม่ ว่าต้องการหางานใหม่ เปลี่ยนสาย หรือเพื่อส่งใบสมัครทีเดียวให้แก่หลายบริษัท เพราะจุดประสงค์ที่แตกต่างล้วนส่งผลให้การโฟกัสสิ่งสำคัญในเรซูเม่มีความต่างกันออกไป
  • ในการเขียนเรซูเม่ นอกจากภาษาไทยแล้ว หลายคนก็นิยมใช้ภาษาอังกฤษ เพราะอาจแสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านภาษาได้ดี อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครควรเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสมกับบริษัทที่ เปิดรับสมัครงาน เพราะจะช่วยแสดงออกถึงความใส่ใจของผู้สมัครได้เป็นอย่างดี โดยสามารถสังเกตได้จาก Job Description ที่อยู่บนหน้าประกาศงาน
  • รวบรวมและอัปเดตข้อมูลส่วนตัวทุกครั้งก่อนสร้างเรซูเม่ โดยต้องมีให้ครบทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล ที่บริษัทสามารถติดต่อได้จริง
  • เลือกเน้นจุดสำคัญ หรือจุดเด่น ให้ตรงกับตำแหน่งงานที่บริษัทต้องการ โดยเลือกใส่ข้อมูลให้สอดคล้องกับ Job Description ตามประกาศรับสมัครงาน

พร้อมปรับแต่งเรซูเม่ให้ยืนหนึ่ง! ใส่ข้อมูลได้ครบถ้วนตามต้องการ ด้วย Super Resume ที่ช่วยนำเสนอตัวตน จุดแข็ง และความสามารถของคุณได้โดดเด่นจับตาบริษัทชั้นนำ

super-resume-background-2
super-resume-banner
Super Resumeเรซูเม่ที่ช่วยให้คุณยืนหนึ่งโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์มากกว่า
สร้างเรซูเม่ของคุณเลย ฟรี!
super-resume-human-hero-bannersuper-resume-effect-2super-resume-effect-2
เปิดโลกการทำงานให้คุณไม่พลาดทุกข่าวสาร เคล็ดลับ บทความ ที่จะเปิดโลกการทำงานใหม่ ๆ ที่เราคัดสรรมาเพื่อคุณ
[object Object]
ยื่นภาษีคืออะไร? ต้องเริ่มต้นอย่างไร? เข้าใจวิธีคำนวณและยื่นกับสรรพากรการคำนวณภาษีอาจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่จริง ๆ แล้วการคำนวณภาษีไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลและซับซ้อนเกินไป หากคุณรู้จักวิธีการและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับภาษีอย่างถูกต้อง การยื่นภาษีให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพในปี 2025 สามารถช่วยลดภาระทางการเงินได้มากขึ้น และยังสามารถใช้โอกาสในการหักลดหย่อนเพื่อประหยัดภาษีได้อย่างเต็มที่วิธีการคำนวณภาษี จะช่วยให้คุณรู้ว่าเงินเดือนที่คุณได้มาต้องเสียภาษีเท่าไหร่สิ่งที่คุณจะได้จากบทความนี้มีอะไรบ้าง?วิธีการคำนวณภาษี: จะช่วยให้คุณรู้ว่าเงินเดือนที่คุณได้มาต้องเสียภาษีเท่าไหร่ และทำอย่างไรให้ภาษีที่ต้องจ่ายน้อยที่สุดวิธีการลดหย่อนภาษี: เคล็ดลับการหักลดหย่อนภาษีที่คุณสามารถทำได้ในปี 2025ทำความเข้าใจการยื่นภาษี: ให้คุณรู้ว่าการยื่นภาษีต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียเวลาหรือโดนค่าปรับคำแนะนำสำหรับมือใหม่: พร้อมสำหรับการยื่นภาษีในปีแรก ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างวิธีคำนวณภาษีปี 2025การคำนวณภาษีเป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดการการเงินของเรา โดยการคำนวณภาษีขึ้นอยู่กับ รายได้ทั้งหมด และ การหักลดหย่อนภาษี ตามที่กฎหมายกำหนด1. คำนวณรายได้สุทธิคุณต้องคำนวณรายได้สุทธิจากการทำงาน (รวมเงินเดือน รายได้เสริม เงินโบนัส ฯลฯ) ซึ่งจะเป็นฐานในการคำนวณภาษี2. หักลดหย่อนภาษีหลังจากที่คุณคำนวณรายได้ทั้งหมดแล้ว คุณสามารถใช้ การหักลดหย่อน เพื่อลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่าย โดยหักค่าลดหย่อนที่คุณมีสิทธิ์ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) หรือ RMF3. คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายหลังจากหักค่าลดหย่อนแล้ว จะได้รายได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะมีการคิดอัตราภาษีตามอัตราก้าวหน้า (Progressive Tax) ของกรมสรรพากร โดยที่ภาษีจะถูกคำนวณเป็นอัตราร้อยละที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ตัวอย่าง:รายได้สุทธิ 150,000 บาท -> ภาษี 5%รายได้สุทธิ 300,000 บาท -> ภาษี 10%รายได้สุทธิ 500,000 บาท -> ภาษี 15%วิธีลดหย่อนภาษี ด้วยการลงทุนมีอะไรบ้าง?การลงทุนไม่เพียงแค่เป็นการสร้างผลตอบแทน แต่ยังช่วย ลดภาระภาษี ได้ดีมาก โดยเฉพาะการลงทุนใน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) และ กองทุนรวม (LTF/RMF) ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้มาก1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นสวัสดิการที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันส่งเงินเข้ากองทุนตามอัตราที่ตกลงกันไว้ (เช่น 5%–15% ของเงินเดือน) เพื่อเป็นเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณสิทธิประโยชน์ทางภาษี:ลูกจ้างสามารถนำเงินสะสมของตนเองไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด ไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี และ ไม่เกิน 500,000 บาท2. กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (RMF)การลงทุนใน LTF และ RMF ช่วยให้คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท ต่อปีRMF เหมาะสำหรับคนวางแผนเกษียณ เพราะต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีจนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไปSSFX (Super Savings Fund Extra) และ กองทุนประเภทอื่น ๆ ที่รัฐกำหนดในช่วงเวลาหนึ่ง ก็สามารถใช้ลดหย่อนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี:รวมทุกกองทุนลดหย่อนได้ สูงสุด 30% ของรายได้และ ไม่เกิน 500,000 บาท/ปี3. ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย (Home Loan Interest)หากคุณซื้อบ้านหรือคอนโดด้วยสินเชื่อธนาคาร (เช่น Mortgage Loan) ดอกเบี้ยที่คุณจ่ายในแต่ละปีสามารถใช้หักลดหย่อนภาษีได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี:หักได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปีเฉพาะดอกเบี้ย (ไม่รวมเงินต้น)ต้องมีเอกสารรับรองจากธนาคาร4. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยแม้การซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรจะไม่ได้ลดหย่อนภาษีโดยตรง แต่ถ้าเป็น “บ้านหลังแรก” และมีการกู้เงินซื้อ สามารถใช้ประโยชน์จากการหักดอกเบี้ยได้ตามข้อ 3กรณีเพิ่มเติม:ถ้าซื้อบ้านจากโครงการรัฐหรือมีนโยบายส่งเสริม (เช่น มาตรการบ้านหลังแรก) อาจได้รับ ภาษีคืนบางส่วนตามเงื่อนไขพิเศษของปีนั้น ๆต้องศึกษามาตรการภาษีที่ออกเป็นช่วง ๆนอกจากการลงทุนที่เราพูดถึงแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่นิยมมากในตอนนี้คือการใช้ E-Receipt ที่คุณสามารถเก็บไว้จากการซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ เพื่อหักลดหย่อนภาษี! การเก็บใบเสร็จแบบดิจิทัลจะช่วยให้คุณจัดการกับการหักลดหย่อนภาษีได้ง่ายและสะดวกขึ้นมากหากสนใจสามารถอ่านต่อเกี่ยวกับวิธีใช้ E-Receipt ลดหย่อนภาษี เพื่อให้คุณไม่พลาดการใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีนี้ได้อย่างเต็มที่สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ก่อนลงมือที่จะช่วยให้การยื่นภาษีของคุณไม่ยุ่งยากก่อนที่คุณจะเริ่มยื่นภาษีและใช้การหักลดหย่อนภาษีในปี 2025 คุณต้องเข้าใจเรื่องสำคัญต่อไปนี้:1. ต้องมีเอกสารที่ครบถ้วนการยื่นภาษีให้ถูกต้องและได้รับสิทธิ์ลดหย่อนเต็มที่ ต้องมีหลักฐานประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีที่คุณใช้สิทธิลดหย่อนจากการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆตัวอย่างเอกสารสำคัญ ได้แก่:หนังสือรับรองเงินเดือน หรือใบ 50 ทวิ (จากนายจ้าง)หนังสือรับรองการลงทุนใน RMF, SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)ใบเสร็จ/เอกสารจากธนาคารเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้บ้านเอกสารการบริจาค, ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ ฯลฯหากเอกสารไม่ครบ คุณจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ และอาจต้องเสียภาษีมากขึ้นโดยไม่จำเป็น2. อัปเดตข้อมูลทุกปีการอัปเดตข้อมูล เช่น รายได้ใหม่ กองทุนที่เปลี่ยนแปลง หรือสถานะส่วนตัว (สมรส, มีบุตร ฯลฯ) เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การคำนวณภาษีและสิทธิ์ลดหย่อนในปีนั้นถูกต้องหากคุณเปลี่ยนที่ทำงาน ควรตรวจสอบว่าได้รับ ใบ 50 ทวิ จากทุกบริษัทหากมีลูกเกิดใหม่ หรือซื้อประกันเพิ่ม ต้องแจ้งและเก็บเอกสารให้พร้อมหากเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ควรอัปเดตในระบบ e-Filing ด้วยระบบของกรมสรรพากรจะใช้ข้อมูลล่าสุดในการคำนวณภาษี ดังนั้นข้อมูลล้าสมัยอาจทำให้เสียสิทธิ์บางส่วนโดยไม่รู้ตัว3. อย่าลืมวันที่ยื่นภาษีการยื่นภาษีมี กำหนดเวลาชัดเจนทุกปี ซึ่งหากพลาดจะมี ค่าปรับและเงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย)สำหรับบุคคลธรรมดา:ยื่นภาษีปี 2567 (รายได้ปี 2566): ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568หากยื่นออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing สามารถขยายเวลาได้ถึง 8 เมษายน 2568 (ขึ้นอยู่กับประกาศแต่ละปี)หากเลยกำหนด จะถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท และมีดอกเบี้ยเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือนจากภาษีที่ยังไม่ได้จ่าย แนะนำ: ตั้ง Reminder ในปฏิทินมือถือ หรือสมัครรับแจ้งเตือนจากเว็บไซต์กรมสรรพากรเพื่อไม่พลาดกำหนดคำแนะนำการยื่นภาษีสำหรับมือใหม่หากคุณเพิ่งเริ่มต้นทำงานหรือเป็นฟรีแลนซ์ และยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการยื่นภาษี การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคำนวณภาษีและการใช้เครื่องมือหักลดหย่อนจะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้ง่ายขึ้นการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด หากบริษัทของคุณมีโปรแกรมนี้2. การลงทุนในกองทุนรวม (LTF/RMF) เป็นอีกทางเลือกที่ง่ายและปลอดภัย สำหรับฟรีแลนซ์และคนที่ไม่มีบริษัทFAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการยื่นภาษีQ: เงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่? A: ขึ้นอยู่กับฐานรายได้ของคุณ และการหักลดหย่อยต่างๆ โดยการคำนวณภาษีจะถูกคิดจากรายได้หลังหักลดหย่อน Q: การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพลดภาษีได้มากแค่ไหน? A: คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้สูงสุดถึง 15% ของรายได้ต่อปี Q: การซื้อบ้านสามารถลดภาษีได้จริงหรือไม่? A: การซื้อบ้านและจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ โดยต้องมีเอกสารการผ่อนชำระอย่างถูกต้อง Q: ถ้าไม่ได้ยื่นภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนดจะเป็นอะไรไหม? A: หากคุณไม่ยื่นภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีค่าปรับตามกฎหมาย ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าปรับตามรายได้ที่ไม่ได้ยื่นหรือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นควรยื่นภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับ การยื่นภาษีอาจจะดูยุ่งยากในตอนแรก แต่ถ้าคุณเข้าใจวิธีการคำนวณและการหักลดหย่อนภาษีต่างๆ แล้ว คุณจะสามารถประหยัดภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2025! อย่ารอช้า มาเตรียมตัวให้พร้อมกับการยื่นภาษีในปีนี้ พร้อมใช้ประโยชน์จากการลงทุนและการวางแผนการเงินเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับอนาคตการเงินของคุณ!หากคุณกำลังมองหางานใหม่ หรือแค่ต้องการคำแนะนำดีๆ เพื่อพัฒนาอาชีพของคุณ Jobtopgun มีตำแหน่งงานมากมายที่รอคุณอยู่ พร้อมบทความและคำแนะนำที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณราบรื่นและประสบความสำเร็จมากขึ้น!อ้างอิงข้อมูลประกอบบทความ:กรมสรรพากร - สืบค้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.rd.go.th/272.html
[object Object]
ข้อดีของ To do list และวิธีจัดอันดับให้การทำงานลื่นไหลสำหรับคนวัยทำงานที่มุ่งมั่นไขว่คว้าหาความสำเร็จ ทั้งในอาชีพและการใช้ชีวิต คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในแต่ละวันมีเรื่องให้ต้องทำมากมาย การจัดการงานให้สำเร็จตามเป้าหมายจึงกลายเป็นเรื่องท้าทาย ด้วยเหตุนี้ จึงต้องใช้ To do list เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถวางแผนงานในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรามีทั้งข้อดีและวิธีการทำ Todo list มาแนะนำกันTo do list คืออะไร ? และเทคนิคการจัดลำดับงานให้มีประสิทธิภาพTo do list คืออะไร ?To do list คือ เครื่องมือที่ช่วยให้สามารถวางแผนและติดตามความคืบหน้าของภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำวัน สัปดาห์ หรือโครงการระยะยาว การจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำให้ไม่หลงลืมงานหนึ่งงานใดไป และยังช่วยจัดลำดับความสำคัญของแต่ละงาน เพื่อบริหารเวลาการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเทคนิคการทำ To do list มีอะไรบ้าง ?ในปัจจุบัน To do list ทำได้หลายวิธี ซึ่งที่นิยมใช้กัน มีดังนี้ระบบ ABCD หรือ Eisenhower Matrixระบบ ABCD หรือ Eisenhower Matrix เป็นเทคนิคสุดคลาสสิกในการจัดลำดับความสำคัญของงาน เพื่อใช้ทำ To do list โดยแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท คือA งานสำคัญและเร่งด่วน ควรทำทันทีB งานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน ควรวางแผนทำในภายหลังC งานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ อาจมอบหมายให้คนอื่นช่วยทำได้D งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน ควรพิจารณาตัดออก หรือทำในภายหลังได้เมื่อจัดลำดับความสำคัญของงานเรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มจัดการงานกลุ่ม A ก่อน จากนั้นค่อย ๆ ทำงานในกลุ่ม B C และ D ต่อไปสูตร 1-3-5สูตร 1-3-5 เป็นเทคนิคที่ใช้จัดลำดับความสำคัญของงานต่าง ๆ โดยในแต่ละวันควรกำหนดงานออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้เลข 1 คืองานที่เป็นเป้าหมายหลักของวันนี้ และต้องทำให้สำเร็จเลข 3 คืองานที่สำคัญรองลงมา โดยให้กำหนดไว้ 3 งานเลข 5 คืองานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คาดว่าจะทำหลังจากงานสำคัญแล้วเสร็จ โดยให้กำหนดไว้ 5 งานวิธีการทำ To do list แบบนี้ จะช่วยให้สามารถจดจ่อกับงานหลักได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องรู้สึกหนักใจกับงานอื่นจนเกินไปแบ่งงานให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมหลีกเลี่ยงการเขียนงานใหญ่ ๆ ลงไปใน To do list เพียงอย่างเดียว แต่ควรแบ่งเป็นงานย่อย เป็นขั้นตอนเล็ก ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เช่น หากต้องการเขียนบทความสำหรับลงเว็บไซต์ ให้แบ่งงานออกเป็นหาข้อมูลเขียนโครงเรื่องเรียบเรียงเนื้อหาหาภาพประกอบตรวจทานความถูกต้องวิธีนี้จะช่วยให้จัดการได้ง่ายขึ้น ลดความเครียด และทำให้เห็นความคืบหน้าของงานได้อย่างชัดเจนใช้หลัก SMARTอีกหนึ่งเคล็ดลับในการทำ To do list คือกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน โดยใช้หลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-Bound) เพื่อให้งานแต่ละรายการสามารถทำได้จริง เช่น แทนที่จะเขียนว่า "เพิ่มทักษะด้านการตลาด" อาจเปลี่ยนเป็น "อ่านหนังสือเกี่ยวกับการตลาด 1 บทต่อวัน" หรือหากต้องการ "ออกกำลังกาย" ให้เขียนว่า "วิ่งเหยาะ ๆ 30 นาที เวลา 18.00 น." เพื่อให้สามารถวัดผลได้จริงใช้แอปพลิเคชันนอกจากการนำสูตรต่าง ๆ มาช่วยทำ To do list แล้ว ยังสามารถใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ในการสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างเช่นTrello เหมาะสำหรับการจัดการงานโครงการที่ต้องติดตามความคืบหน้าหลายขั้นตอน เพื่อให้เห็นภาพรวมของงานได้ชัดเจนTodoist ช่วยให้สามารถจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน ตั้งการแจ้งเตือน และติดตามความคืบหน้าได้อย่างง่ายดายGoogle Keep เป็นเครื่องมือจดบันทึกแบบเรียบง่ายที่สามารถเชื่อมข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ทำให้เข้าถึงได้สะดวกการเลือกใช้แอปพลิเคชันที่เหมาะสมกับสไตล์ของตนเอง จะช่วยให้การบริหารเวลาและภาระงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นปรับปรุง To do list ทุกวันTo do list ควรมีการปรับปรุงและอัปเดตทุกวัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสิ่งที่สามารถทำได้ มีดังนี้ตรวจสอบว่างานใดสำเร็จแล้ว และขีดฆ่า หรือทำเครื่องหมายว่าเสร็จสิ้น เพื่อช่วยให้มองเห็นความคืบหน้าของงานได้ง่ายขึ้นประเมินว่างานที่ยังไม่เสร็จควรจัดลำดับใหม่หรือไม่ อาจมีบางงานที่หมดความสำคัญหรือต้องเลื่อนออกไป หรือมีบางงานที่ต้องเร่งให้เร็วขึ้นเพิ่มงานใหม่ที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีงานสำคัญตกหล่นข้อดีของ To do list คืออะไร ?ช่วยจัดลำดับความสำคัญของงานTo do list ทำให้มองเห็นภาพรวมของงานทั้งหมด จึงรู้ว่าสิ่งใดควรทำก่อน-หลัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดโอกาสในการหลงลืมงานสำคัญ และสามารถจัดสรรเวลาได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นเพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนการทำ To do list สามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ เช่น หากมีงานด่วนหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ต้องจัดลำดับใหม่โดยไม่ให้กระทบต่อโครงสร้างการทำงานหลักของวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานการมี To do list ช่วยให้ทำงานได้เร็วและมีความจดจ่อมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับงานที่ไม่สำคัญ สามารถใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความรู้สึกยุ่งเหยิงซึ่งอาจเกิดจากการจัดการงานที่ไม่มีแบบแผนลดความเครียดและความกังวลการวางแผนล่วงหน้า ช่วยให้มั่นใจว่าสามารถจัดการงานได้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมงานใดงานหนึ่ง หรือล้นมือจนทำไม่ทัน นอกจากนี้ การเห็นความก้าวหน้าของงานที่ทำเสร็จแล้ว ยังสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและลดความกดดันจากงานซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการอีกด้วยสร้างความสุขจากการทำงานสำเร็จในแต่ละวันเมื่อทำงานเรียบร้อยและสามารถติ๊กเครื่องหมายว่าเสร็จแล้ว จะทำให้รู้สึกดีและมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น รวมถึงยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานของวันถัดไปได้เป็นอย่างดีนี่เป็นเคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานดี ๆ ซึ่งเรานำมาบอกกัน สำหรับคนที่กำลังมองหางานใหม่ ๆ และต้องการสมัครงานบริษัทชั้นนำ อย่ารอช้า ! สำรวจตำแหน่งงานน่าสนใจกับ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มที่รวบรวมประกาศรับสมัครงานคุณภาพจากบริษัทชั้นนำไว้มากมาย อีกทั้งยังมีข้อมูลเชิงลึกทั้งในด้านสวัสดิการและวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินได้ตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง พร้อมสร้างโปรไฟล์ของคุณให้โดดเด่นกว่าใครด้วยเครื่องมืออันทรงพลังอย่าง Super Resume เพิ่มโอกาสให้คุณได้งานดี ในตำแหน่งที่ใช่ วันนี้ ! ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ฟรี ทั้งระบบ iOS และ Androidข้อมูลอ้างอิงWhat is a ToDo List? Simple tool to organise everything. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 จาก https://checkify.com/blog/what-is-a-todo-list/#:~:text=It's%20a%20list%20of%20tasks,act%20as%20a%20memory%20aid.To-Do List. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 จาก https://www.awork.com/glossary/to-do-list#creating-a-to-do-list
[object Object]
เข้าใจข้อดีของสายอาชีพ สายเรียนที่หลายคนมองข้ามทุกคนเคยสงสัยไหมว่าการเรียนสายอาชีพมีข้อดีอะไรบ้าง ? นอกจากช่วยให้เข้าสู่ตลาดงานได้เร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้เราเห็นเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนและเหมาะกับตัวเองมากขึ้น เนื่องจากการเรียนสายอาชีพเปิดโอกาสให้เราได้เลือกเรียนตามความถนัดเฉพาะด้าน ฝึกฝนทักษะเฉพาะทางอย่างลึกซึ้ง และสามารถนำไปต่อยอดสู่อาชีพในอนาคตได้วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสายอาชีพต่าง ๆ รวมถึงข้อดีของการเลือกเรียนสายอาชีพที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเดินเส้นทางนี้ พร้อมแนะนำอาชีพยอดนิยมที่เหมาะกับเด็กรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน หากใครยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกสายไหนดี บทความนี้อาจช่วยให้คุณค้นพบคำตอบ !พลิกมุมมองใหม่ รู้จักข้อดีของสายอาชีพที่หลายคนอาจมองข้าม1. สายอาชีพคืออะไร และใครบ้างที่เหมาะกับการเรียนสายนี้ ?สายอาชีพ หมายถึง การเรียนและการทำงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะด้าน เน้นการลงมือปฏิบัติควบคู่ไปกับการเรียนรู้ทางทฤษฎี ซึ่งแตกต่างจากสายสามัญที่เน้นการศึกษาทั่วไป โดยแต่ละสาขามีลักษณะเฉพาะและใช้ทักษะที่แตกต่างกันไปซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการความมั่นคงในอาชีพหรือสามารถออกไปประกอบอาชีพได้ทันทีหลังจบการศึกษา เช่น ช่างซ่อมบำรุงอุปกรณ์ สายเทคนิค หรือสายสุขภาพ โดยผู้ที่เรียนสายนี้มักมีเป้าหมายในอาชีพที่ชัดเจนและต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยตรง2. ข้อดีของการเรียนสายอาชีพการเรียนสายอาชีพมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเริ่มต้นอาชีพได้เร็วขึ้น และมีประสบการณ์การทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนี้1. เข้าสู่ตลาดงานได้เร็วข้อดีของสายอาชีพประการแรกคือ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าสู่ตลาดงานได้ทันทีหลังจากจบการศึกษา เนื่องจากการเรียนในสายอาชีพมักเน้นการฝึกทักษะที่ใช้ได้จริงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้ผู้เรียนพร้อมทำงานทันที และเป็นที่ต้องการของหลายองค์กรที่ต้องการคนลงมือปฏิบัติจริง2. เริ่มต้นสะสมประสบการณ์การทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยแน่นอนว่าเมื่อเริ่มฝึกงานทำให้เรียนรู้ในสถานประกอบการจริงได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถสะสมประสบการณ์การทำงานได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นับเป็นอีกหนึ่งข้อดีของสายอาชีพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตในสายอาชีพและเพิ่มโอกาสในการได้ทำงานที่ดีในอนาคต3. มีตัวเลือกในการศึกษาต่อที่หลากหลายหลังจากจบการเรียนสายอาชีพ ผู้เรียนยังสามารถศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นได้ เช่น การศึกษาต่อในระดับ ปวส. ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือหลักสูตรเฉพาะทาง เพื่อเสริมสร้างทักษะและเพิ่มความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการพัฒนาและก้าวหน้าในสายอาชีพที่ต้องการได้มากขึ้น3. อาชีพยอดนิยมสำหรับผู้จบสายอาชีพมีอะไรบ้าง?หลายคนอาจสงสัยว่าหลังจากเรียนจบแล้ว สามารถประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง ? การเรียนสายอาชีพเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในตลาดแรงงาน พร้อมทั้งต่อยอดสู่สายงานที่มีความต้องการสูงในหลายสาขา ซึ่งเรารวบรวมสายอาชีพยอดนิยมที่ผู้สำเร็จจากสายนี้สามารถเลือกทำได้ มาดูกันว่ามีอาชีพใดที่เหมาะกับคุณบ้าง1. อุตสาหกรรมผู้จบสายอาชีพด้านอุตสาหกรรม เช่น ช่างไฟฟ้า หรือวิศวกร จะมีทักษะที่จำเป็นในการทำงานในโรงงาน การผลิต หรือการดูแลระบบเครื่องจักรต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาขาที่มีความต้องการแรงงานสูงเสมอ โดยเฉพาะในภาคการผลิตและเทคโนโลยี2. พาณิชยกรรมอาชีพในด้านพาณิชยกรรม เช่น การขาย การตลาด หรือการบัญชี เป็นอีกหนึ่งสายอาชีพที่ได้รับความนิยม ผู้จบสายอาชีพด้านนี้สามารถเริ่มต้นทำงานในบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ได้ทันที โดยสามารถเรียนรู้การบริหารจัดการและสร้างกลยุทธ์ในการขายหรือการตลาดได้ในเวลาอันรวดเร็ว3. ศิลปกรรมสำหรับผู้ที่มีความสนใจงานสร้างสรรค์ เช่น งานออกแบบกราฟิกดีไซน์ หรือการถ่ายภาพ ผู้ที่จบจากสายอาชีพด้านศิลปกรรมสามารถทำงานในสตูดิโอออกแบบ บริษัทโฆษณา หรือแม้กระทั่งเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวได้ ซึ่งสายอาชีพนี้ตอบโจทย์คนที่รักงานศิลป์และมีความคิดสร้างสรรค์4. อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยวสายอาชีพด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว เช่น การจัดการโรงแรม บริการลูกค้า หรือการท่องเที่ยว เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมเติบโต ผู้จบสายอาชีพในด้านนี้สามารถเริ่มต้นทำงานในโรงแรม ร้านอาหาร หรือบริษัททัวร์ได้ทันที4. โอกาสหางานที่ได้จากการเรียนสายอาชีพมีอะไรบ้าง ?ข้อดีของสายอาชีพ คือการช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสหางานที่มั่นคงและมีความก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการฝึกฝนทักษะที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานโดยตรง นี่คือโอกาสที่สำคัญที่ผู้เรียนสายอาชีพจะได้รับ1. การเข้าสู่ตลาดงานอย่างรวดเร็วหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของการเรียนสายอาชีพคือ การที่ผู้เรียนสามารถเข้าสู่ตลาดงานได้ทันที เพราะการเรียนในสายอาชีพมักเน้นการฝึกปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริง ทำให้ผู้เรียนพร้อมที่จะทำงานในสาขาเฉพาะได้ทันทีหลังจากจบการศึกษา2. ตำแหน่งงานที่หลากหลายผู้จบสายอาชีพสามารถเลือกตำแหน่งงานที่หลากหลายตามความถนัดและทักษะที่เรียนมา เช่น การทำงานในสายอุตสาหกรรม การโรงแรม การตลาด หรือแม้กระทั่งการออกแบบกราฟิก การมีทักษะเฉพาะตัว ทำให้สามารถเลือกงานในหลายภาคส่วนและสร้างโอกาสในการเติบโตในอาชีพนั้น ๆ ได้3. โอกาสต่อยอดการศึกษาและการพัฒนาอาชีพข้อดีของสายอาชีพไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าสู่ตลาดงานได้เร็ว แต่ยังเพิ่มแต้มความรู้ด้านวิชาชีพก่อนศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เนื่องจากผู้เรียนสายอาชีพมักมีประสบการณ์ตรง ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดและทำความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น4. ทักษะปฏิบัติที่ตอบโจทย์งานจริงผู้ประกอบการและบริษัทชั้นนำส่วนใหญ่มีความต้องการบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะด้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของการเรียนสายอาชีพ เนื่องจากหลักสูตรมุ่งเน้นความรู้เฉพาะทางและการปฏิบัติจริง เมื่อจบการศึกษา ผู้เรียนที่มีประสบการณ์ตรงและสามารถเริ่มทำงานได้ทันที ทำให้เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่องดังนั้นหากคุณเป็นนักศึกษาสายอาชีพที่เพิ่งจบใหม่และกำลังมองหางาน โดยเฉพาะงาน จป.วิชาชีพ หรือสายงานที่สามารถต่อยอดโอกาสได้ดี JOBTOPGUN คือแพลตฟอร์มหางานที่จะช่วยคุณได้ เพราะรวบรวมตำแหน่งงานคุณภาพจากบริษัทชั้นนำมากมาย และอัปเดตงานใหม่ทุกวัน พร้อมเครื่องมือ Super Resume ที่จะทำให้โปรไฟล์ของคุณโดดเด่นในสายตา HR สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android แล้ววันนี้ รับรองว่าการหางาน จป.วิชาชีพ หรืองานอื่นจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณอีกต่อไป
[object Object]
Interpersonal skill คืออะไร ? ทักษะสำคัญที่คนวัยทำงานต้องมีเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนสามารถสร้างความประทับใจจากการสื่อสารได้อย่างราบรื่น และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดีเยี่ยม ? คำตอบอยู่ที่ Interpersonal Skill หรือทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจดอกสำคัญที่ไขไปสู่ความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน แล้ว Interpersonal Skill คืออะไร ? และความสำคัญรวมไปถึงองค์ประกอบของ Interpersonal Skill นั้นมีอะไรบ้าง ? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจและเรียนรู้ถึงความมหัศจรรย์ของทักษะที่ทรงพลังนี้กันให้ถึงแก่นInterpersonal Skills คืออะไร ?สำคัญแค่ไหนกับการทำงานในยุคนี้Interpersonal Skill คืออะไร ?Interpersonal Skill คือ ความสามารถในการสื่อสาร การโต้ตอบ และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทักษะที่ช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจ สร้างความสัมพันธ์ และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ครอบคลุมตั้งแต่การสื่อสารด้วยวาจา ภาษากาย ไปจนถึงการรับฟังและทำความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเนื่องจากการทำงานในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในสายงานไหน ต่างก็จำเป็นต้องติดต่อกับผู้อื่นอยู่เสมอ ดังนั้น การมี Interpersonal Skill ติดตัว จึงมีประโยชน์กับคนวัยทำงาน ทั้งในส่วนของการช่วยให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น และลดโอกาสในการเกิดปัญหาอันมีสาเหตุมาจากการเข้าใจกันคลาดเคลื่อน ซึ่งการมี Interpersonal Skill นั้นยังมีความสำคัญต่อคนทำงานได้ด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้ความสำคัญของ Interpersonal Skill มีอะไรบ้าง ?• ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นเพราะหัวใจสำคัญของ Interpersonal skill คือ การสื่อสารที่ผู้พูดเข้าใจ และรับฟังสิ่งที่ผู้ฟังต้องการสื่อสาร รวมไปถึงการประเมินสถานการณ์ ณ เวลานั้นก่อนที่จะเลือกว่าควรใช้คำพูดไหนให้ผู้ฟังเข้าใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความหมายของสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ โดยไม่ทำให้เสียบรรยากาศ ซึ่งรูปแบบการสื่อสารในลักษณะดังกล่าว มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้น• เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและทำงานเป็นทีมการมี Interpersonal Skill ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและทำงานเป็นทีม ผ่านการที่ทั้งตัวเราและเพื่อนร่วมงานเข้าใจบทบาทและสถานการณ์ของกันและกัน จนสามารถมองหาแนวทางที่จะประสานงานกันได้อย่างราบรื่น• ลดความขัดแย้งและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์เมื่อการรู้จักรับฟังผู้อื่น คือหนึ่งในทักษะของ Interpersonal Skill ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ทักษะดังกล่าวเพื่อเข้าถึงความคิดเห็นของทุกฝ่าย และนำข้อมูลที่ได้มาใช้เพื่อลดความขัดแย้งและแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์• เพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเป็นไปในทางบวก ย่อมทำให้เราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเพื่อนร่วมงานให้รับหน้าที่สำคัญ และต่อยอดไปสู่ความก้าวหน้าในอาชีพ• สร้างความประทับใจแรกพบและความน่าเชื่อถือการแต่งตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะ การมีบุคลิกที่ดี และการแสดงออกถึงความมั่นใจ ทั้งในภาษาพูดและภาษากาย ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณของ Interpersonal Skill ที่ดี ซึ่งการมีทุกอย่างตามที่ว่ามาครบ ช่วยให้สร้างความประทับใจและความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้คนที่พึ่งเจอได้องค์ประกอบของ Interpersonal Skill มีอะไรบ้าง?• การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นการสื่อสารที่ผู้พูดรู้ว่าต้องใช้คำพูดอย่างไรให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย ผ่านการทำความเข้าใจความต้องการและสถานการณ์ของคู่สนทนา ด้วยการเป็นผู้ฟังที่ดี• การฟังอย่างตั้งใจเพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการพูดเท่านั้น เนื่องจากการรับหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดียังช่วยให้เราเข้าใจคู่สนทนาได้มากขึ้น อีกทั้งการฟังอย่างตั้งใจ ยังเป็นภาษากายที่แสดงให้คู่สนทนาเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาพูด จนนำมาซึ่งความเคารพและไว้วางใจซึ่งกันและกัน• ความเห็นอกเห็นใจเมื่อเรามีความเห็นอกเห็นใจ แน่นอนว่าเราย่อมเข้าใจสถานการณ์ของคู่สนทนาได้ดีขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนฐานความเห็นอกเห็นใจนั้น สามารถนำไปสู่การเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้เราเป็นคนที่เข้าถึงง่าย และเป็นที่รักจากเพื่อนร่วมงาน• การควบคุมอารมณ์จริงอยู่ว่า ในระหว่างการพูดคุยกันนั้นอาจมีคำพูดหรือการกระทำบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้น แต่การเลือกที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา อาจทำให้การแก้ปัญหาและการเจรจาต่อรองยากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผู้ที่มี Interpersonal Skill ที่ดี จะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้• การแก้ปัญหาและการเจรจาต่อรองทักษะในการแก้ปัญหาและการเจรจาต่อรอง มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างผลลัพธ์ให้ออกมาตามต้องการ โดยสิ่งที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ดี และเพิ่มความสำเร็จในการเจรจา ได้แก่การรู้จักทำความเข้าใจมุมมองของผู้อื่น การสื่อสารอย่างมีเหตุผล และการประนีประนอมเพื่อมองหาข้อตกลงกันที่ทุกฝ่ายยอมรับได้• ภาวะผู้นำการเป็นผู้นำที่ดีไม่ได้เป็นเรื่องของการพาทุกคนในทีมไปสู่เป้าหมายเท่านั้น แต่ผู้นำที่ดียังจะต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจไปพร้อม ๆ กับการเปิดโอกาสให้คนในทีมได้พัฒนาทักษะ และยอมรับความสำเร็จของกันและกัน• ภาษากายที่เหมาะสมในการสื่อสารนั้น ภาษากายนับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราคิด นอกเหนือจากภาษาพูด ดังนั้น การพัฒนา Interpersonal Skill ของตัวเอง จึงควรให้ความสำคัญกับการใช้ภาษากายควบคู่กับการเสริมทักษะการพูดและการฟังตัวอย่างอาชีพที่ต้องใช้ Interpersonal Skillหลังจากพาทุกคนไปทำความรู้จักว่า Interpersonal Skill คืออะไร และความสำคัญ รวมไปถึงองค์ประกอบของ Interpersonal Skill นั้นมีอะไรบ้าง ต่อมาเราจะขอยกตัวอย่างอาชีพที่ต้องใช้ทักษะดังกล่าวในการทำงาน• พนักงานบริการลูกค้าเป็นอาชีพที่ต้องมี Interpersonal Skill เพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และสามารถนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเฉพาะได้อย่างรวดเร็ว• พนักงานธนาคารการมี Interpersonal Skill ในสายงานธนาคาร มีส่วนช่วยให้เราสามารถสื่อสารเรื่องที่ซับซ้อนอย่างเรื่องการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนนำไปสู่การได้รับความน่าเชื่อถือจากทั้งลูกค้าและหัวหน้างานในการมอบหมายงานสำคัญให้• นักขายอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องอาศัยทั้งทักษะการพูดและการฟังที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี จนสามารถสร้างความเชื่อใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ• ครูและอาจารย์เพื่อให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาการเรียนการสอน และกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดี ดังนั้นครูและอาจารย์จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องมี Interpersonal Skill ติดตัวInterpersonal Skill เป็นทักษะที่สำคัญซึ่งสามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน การเปิดใจรับฟัง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การมีทักษะนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน โดยเฉพาะอาชีพพนักงานธนาคาร ที่ต้องใช้ Interpersonal Skill ในการให้บริการลูกค้า สร้างความประทับใจ แก้ปัญหา รวมถึงสื่อสารข้อมูลทางการเงินอย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือสำหรับใครที่สนใจสมัครงานธนาคาร หรืองานประเภทอื่นที่ต้องอาศัย Interpersonal Skill เช่น พนักงานบริการลูกค้า นักขาย และงานด้านการศึกษา สามารถสร้างเรซูเม่ของคุณให้โดดเด่นกว่าใครด้วยตัวช่วยอย่าง Super Resume และสมัครงานที่ใช่ได้เลยที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มที่จะช่วยให้คุณค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานที่ตรงกับความสามารถและความฝันของตนเอง ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
บริการของเราเพื่อคุณเว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณและบริษัทรู้จักกันมากขึ้นด้วยช่องทางในการอ่านและเขียนรีวิวอย่างมีคุณภาพ และมีตัวช่วยในการสร้างเรซูเม่ที่นำเสนอตัวตนให้คุณยืนหนึ่ง มีโอกาสได้งานมากกว่าใคร
JOBTOPGUNJOBTOPGUN
เว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณได้งานจากบริษัทชั้นนำกว่า 2,000 บริษัท
SUPER RESUMESUPER RESUME
ช่วยนำเสนอตัวตนของคุณได้ดีที่สุด มีผู้ใช้กว่า 3 ล้านคน
YOUSAY/HRSAYYOUSAY/HRSAY
นำเสนอเชิดชูบริษัทที่อยู่ในมาตรฐานของบริษัททั่วไปที่จะพึงมี และนำเสนอบริษัทที่จะเป็น Dream Company
ติดตามงานที่ใช่ได้อย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชั่น JOBTOPGUN
Download on the App StoreGet it on Google Play
Smartphone Application
Find job, Get job
ให้เราช่วยให้คุณ “หางาน ได้งาน”

หากไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำให้คุณได้มีชีวิตดีจากงานที่ดี เริ่มเข้าสู่ระบบเพื่อหางานไปพร้อม ๆ กัน

หางานบริษัทในฝันได้ง่าย ๆ กับเว็บไซต์สมัครงานที่ใช้งานสะดวก JOBTOPGUN

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหางาน สมัครงานบริษัทตำแหน่งไหน จะเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรง หรือต้องการมองหางานประจำที่ช่วยขยับขยายเปลี่ยนสาย Job ให้ก้าวหน้า ก็สามารถหางานด่วนที่ใช่ ในบริษัทที่ถูกใจ ได้ที่ JOBTOPGUN เว็บสมัครงานออนไลน์ ที่รวบรวมงานพร้อมข้อมูลเงินเดือนจากบริษัทชั้นนำไว้มากมายกับแอปหางานที่อัปเดตใหม่ทุกวัน ดูแลให้คุณได้งานจริง ด้วย Super Resume ที่ให้คุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพ พร้อมนำเสนอคุณให้โดดเด่นกว่าใคร และยังมีรีวิวบริษัท ที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทตามความจริง ดูแลให้คุณหางานง่าย ได้งานดี ที่ JOBTOPGUN