ชายหาดหลายๆ แห่งของกาะมิโคนอส สวยงามและเต็มไปด้วยบาร์ พร้อมให้นักท่องเที่ยวกินดื่ม และเต้นกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน

     เช้าวันสุดท้ายที่มิโคนอส เราใช้เวลาที่เหลือเดินเข้าเมืองไปดูชีวิตยามเช้า ริมหาดเปลี่ยนสภาพเป็นตลาดอาหารทะเล ชาวประมงนำเรือเข้าจอดเพื่อนำปลาและหมึกสดๆลงมาที่แผงขายเล็กๆ ภาพที่ไม่มีวันเห็นที่บ้านเราคือ หนุ่มมิโคนอสหน้าตาหล่อเหลาใส่สูทลำลองเดินเลือกซื้อปลาสดๆทั้งตัวหิ้วใส่ถุงพลาสติก เหมือนกับหนุ่มๆบ้านเราเดินหิ้วกระเป๋าเอกสารยังไงยังงั้น
        ใกล้เวลาเดินทาง เราเช็คเอาต์แล้วขนกระเป๋ามารอที่ท่าเรือเดิม นอกจากเรา 4 คนแล้วก็มีคุณป้าอีก 2 คนที่รออยู่ รู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าใกล้เวลาเรือออกแล้วทำไมถึงไม่ค่อยมีคน ทั้งที่ตอนซื้อตั๋ว เอเยนต์บอกว่าตั๋วค่อนข้างเต็มเพราะเป็นวันอาทิตย์ ใกล้เวลาเดินทางยิ่งขึ้นก็ยังไม่มีวี่แววเฟอร์รีเข้าเทียบท่าและไม่มีผู้โดยสารมารอเพิ่ม แม้จะสงสัย แต่พวกเรากลับมัวแต่ตื่นเต้นถ่ายรูปกับเรือสำราญลำใหญ่จนเมื่อมองไปอีกด้านของท่าเรือ ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร เห็นเฟอร์รีลักษณะเหมือนลำที่เรามาเมื่อวานจอดอยู่ ยังไม่ทันได้ทำอะไร เรือเฟอร์รีก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่า ยกนาฬิกาขึ้นดู เวลาตรงกับในตั๋วของเราเป๊ะ!
        ความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อแน่ใจว่าพวกเราตกเรือแน่แล้ว เพราะไปรอผิดท่า ข่าวร้ายต่อมาคือเราเอาตั๋วเรือไปรับเงินคืนไม่ได้และไม่สามารถเปลี่ยนเที่ยวเรือได้ เที่ยวต่อไปของเรือ Hi-speed Helenic Seaways ที่เราจอง (แล้วตกเรือ) จะออกตอนเย็น หรือไม่ก็ต้องซื้อตั๋วเรือธรรมดาที่ใช้เวลาเดินทางนานกว่าเท่าตัว ซึ่งจะออกเดินทางในช่วงบ่าย ถึงเอเธนส์ดึกทีเดียว
        ในช่วงชุลมุนนั้น หนุ่มกรีซนายหนึ่งก็เข้ามาซื้อตั๋ว Hi-speed ของ Blue Star Ferry ไปเอเธนส์เหมือนกัน แต่เรือจะไปจอดที่ท่าราฟินา (Rafina) ซึ่งเป็นท่าเรือเก่า ในขณะที่เฟอร์รีส่วนมากจะเข้าที่ท่าพิราเอียส (Piraeus) ซึ่งเป็นท่าเรือใหม่ แต่โดยระยะทางเข้าตัวเมืองเอเธนส์แล้วพอๆกัน ในที่สุดพวกเราก็ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวกับหนุ่มกรีซคนนั้น เรือจะออกใน 1 ชั่วโมง ความโชคดีที่เจอพ่อหนุ่มกรีซทำให้แผนการวันนี้ช้ากว่าแผนเดิมที่วางไว้เพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
        นั่งเฟอร์รีเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที เราก็มาถึงท่าเรือราฟินา แล้วเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่ Plaka Hotel บริเวณย่านพลากา (Plaka) แผนการวันนี้คือเดินเที่ยวตลาดนัดวันอาทิตย์ (Sunday Flea Market) ซึ่งอยู่บนถนนโมนาสติรากิ (Monastiraki) ไม่ห่างจากที่พักนัก แต่เมื่อไปถึงช่วงใกล้ 4 โมงเย็น ตลาดก็เริ่มวายซะแล้ว
        เดินชมตลาดกันไม่นานก็เปลี่ยนแผนไปเที่ยวชมเมืองโบราณอะโกรา (Ancient Agora) และอะโครโพลิส (Acropolis) ตามข้อมูลที่อ่านจากหนังสือนำเที่ยวต่างๆบอกว่า วันอาทิตย์เป็นวันที่จะเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆรวมถึงพิพิธภัณฑ์ได้ฟรี แต่เรากลับโดนเรียกให้ซื้อบัตรชุด Acropolis ราคา 12 ยูโร ซึ่งสามารถเข้าชมเมืองโบราณอะโกรา อะโครโพลิส และที่อื่นๆได้อีกหลายที่ภายในเวลา 3 วัน ก็ไม่รู้ว่าเขายกเลิกนโยบายเที่ยวฟรีวันอาทิตย์ตั้งแต่เมื่อไหร่