นโยบายความเป็นส่วนตัว Super Recruit Success


บริษัท ซูเปอร์ เรซูเม่ จำกัด ("บริษัท") ได้เปิดให้บริการเครื่องมือในการค้นหาและบริหารจัดการกระบวนการในการคัดเลือกผู้สมัครงาน ด้วยแพลตฟอร์ม Super Recruit Success (“แพลตฟอร์ม”) ให้แก่ท่าน ในฐานะบริษัทที่ต้องการว่าจ้างและรับสมัครพนักงาน (“ผู้ใช้บริการ”) ด้วยเห็นถึงความสำคัญต่อต่อความเป็นส่วนตัวและเคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าของบริษัท ดังนั้น บริษัท ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจึงมีจุดประสงค์จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“นโยบาย”) ที่กำหนดเกี่ยวกับสิทธิ เงื่อนไขและความจำเป็นของบริษัทในการเก็บ ประมวลผล และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในฐานะลูกค้าที่ติดต่อมายังบริษัท และ/หรือใช้บริการแพลตฟอร์ม Super Recruit Success (“แพลตฟอร์ม”) หรือบริการอื่นของบริษัท (“ลูกค้า”) เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบ

การยอมรับนโยบาย

นโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับการติดต่อ และ/หรือการใช้บริการแพลตฟอร์มหรือบริการอื่นของบริษัทโดยตรงเท่านั้น โดยไม่มีผลใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคคลภายนอกอื่นที่บริษัทไม่มีอำนาจควบคุม แม้จะดำเนินการเชื่อมต่อกับการให้บริการของทางบริษัท ซึ่งสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคคลภายนอกดังกล่าว ลูกค้าต้องศึกษาเกี่ยวกับนโยบายการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บุคคลภายนอกดังกล่าวแยกจากนโยบายฉบับนี้

ทั้งนี้ เมื่อลูกค้าติดต่อมายังบริษัทผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสาร เช่น ผ่านการลงทะเบียน demo ผ่านเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์ม หรือการติดต่อสื่อสารผ่าน Social Media ของบริษัทและส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัท ทางบริษัทจะถือว่า ลูกค้าตกลงและยอมรับนโยบายฉบับนี้แล้ว

ทางบริษัทสงวนสิทธิในการปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ ตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และรูปแบบการติดต่อ การให้บริการต่างๆ ของบริษัทที่ให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงใหม่ผ่านทางแพลตฟอร์มหรือผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัท โดยการที่ลูกค้ายังคงมีบัญชีผู้ใช้งาน และยังใช้บริการของบริษัทอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัทจะถือว่า ลูกค้าตกลงยอมรับตามนโนบายฉบับปรับปรุงแล้วเสมอ

นิยามศัพท์

ภายใต้นโยบายฉบับนี้ (ก) ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของบุคคลธรรมดาคนหนึ่งนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม และ (ข) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทมีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา และตัวแทนผู้มีอำนาจลงนาม หรือบุคคลเกี่ยวข้องอื่นของลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล (เช่น กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม หรือผู้รับมอบอำนาจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พนักงานหรือตัวแทนใดของลูกค้าที่อาจได้รับการแต่งตั้งมอบสิทธิในการใช้ระบบแพลตฟอร์มของบริษัท เป็นต้น)

ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย กรณีที่ลูกค้านำส่งข้อมูลของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องของลูกค้าให้แก่บริษัท เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ทางบริษัทจะถือว่า ลูกค้าได้ให้การรับประกันสิทธิในการส่งต่อเปิดเผยข้อมูลของบุคคลภายนอกทั้งหมดให้แก่ บริษัทเพื่อการประมวลผลข้อมูลภายใต้นโยบายฉบับนี้แล้ว

แหล่งข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และ/หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจาก 2 แหล่งที่มา ดังนี้
  1. ได้รับโดยตรงจากลูกค้า ซึ่งนำส่งมายังบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ (ก) การติดต่อสอบถามผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่บริษัทอาจมี ได้แก่ โทรศัพท์ Social Media, Website หรือแพลตฟอร์ม (ข) การเก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติ โดยระบบของบริษัทที่อาจเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม (ค) การที่ลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายของบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือ (ง) การที่ลูกค้ากรอก นำส่งข้อมูล รวมถึงเอกสารแบบฟอร์มอื่นใดเพื่อการใช้บริการสนับสนุนต่าง ๆ ของบริษัท
  2. ได้รับจากบุคคลอื่น ซึ่งอาจรวมถึง ตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ให้บริการภายนอกที่บริษัทได้ว่าจ้างเข้ามาเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและให้บริการของบริษัท หรือบุคคลอื่นที่อาจแนะนำท่านมายังบริษัท ซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ

ข้อมูลที่มีการประมวลผล

ในการติดต่อประสานงาน การให้บริการแพลตฟอร์มและบริการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการแพลตฟอร์ม บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในแต่ละขั้นตอน ดังต่อไปนี้
  1. ข้อมูลการติดต่อของผู้ติดต่อ ได้แก่ ชื่อนามสกุล และข้อมูลการติดต่อของผู้ติดต่อมายังบริษัท เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือ Social Media Account
  2. ข้อมูลทางเทคนิค (Online Identifier) ของลูกค้าที่ติดต่อมายังบริษัทผ่านช่องทางเว็บไซต์ ได้แก่ ข้อมูลแหล่งที่ตั้ง รวมถึง IP address และ/หรือ domain name ของลูกค้า และหน้าเพจอื่นๆ ที่ส่งลูกค้ามายังเว็บไซต์ของบริษัท ประเภทและ Version ของ Browser การตั้งค่าระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ของลูกค้า หรือการใช้คุกกี้ (กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอม) ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถศึกษานโยบายคุกกี้ของบริษัทได้เพิ่มเติม
  3. ข้อมูลการชำระราคา และ/หรือข้อมูลสำหรับการออกใบกำกับภาษี ซึ่งรวมถึง ข้อมูลการชำระเงินค่าบริการแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลบัตรเครดิต เลขบัญชีธนาคาร รวมถึงหลักฐานการชำระเงินอื่น (กรณีลูกค้าบุคคลธรรมดา)
  4. ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่จะเป็นผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มของบริษัท ซึ่งอาจรวมถึง ข้อมูลชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่ต้องใช้สำหรับการลงทะเบียนเป็นลูกค้า ทั้งนี้ลูกค้าหรือพนักงานดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในการกรอกและให้ข้อมูลดังกล่าว ให้แก่บริษัทเพื่อการประมวลผล ดังนั้น ลูกค้าต้องให้การรับประกันความถูกต้องและสิทธิของลูกค้าในการนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานดังกล่าวให้แก่ บริษัทเพื่อประมวลผล
  5. ข้อมูลธุรกรรมการใช้งานแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน เลขรหัสผู้ใช้งาน ข้อมูลการ Log-in ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลการทำธุรกรรมอื่นที่ลูกค้าหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะพนักงานของลูกค้า) ดำเนินการผ่านระบบแพลตฟอร์ม (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลการทำคำสั่งดำเนินธุรกรรมทั้งหมด และข้อมูลประวัติธุรกรรมอื่นเพื่อการตรวจสอบ)
  6. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ที่ลูกค้า และ/หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจส่งต่อเปิดเผยระหว่างการติดต่อสื่อสารที่ลูกค้าอาจมีกับบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงเรื่องการร้องเรียน หรือการให้ความเห็นต่าง ๆ หรือการติดต่อเพื่อรับบริการสนับสนุน ผ่าน Help Desk หรือ Customer Support หรือข้อมูลที่ลูกค้าอาจนำส่งให้แก่บริษัทเพื่อการเข้าร่วมกิจกรรม หรือ Campaign ต่าง ๆ และรวมถึงข้อมูลภาพถ่ายหรือ ข้อมูลการให้คำแนะนำเกี่ยวกับบริการและแพลตฟอร์มของบริษัท

วัตถุประสงค์และระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และ/หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้น เพื่อวัตถุประสงค์และเป็นระยะเวลา ดังนี้:
  1. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา บริษัทต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อ
    • การตอบคำถาม การตอบกลับ หรือการจัดการข้อร้องเรียนหรือการให้ความคิดเห็นต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าอาจแจ้งมายังบริษัท รวมถึงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อกลับเพื่อนำเสนอแพลตฟอร์มตามที่ลูกค้าร้องขอ และการประสานงานเพื่อปิดการขายดังกล่าว
    • การจัดทำ การติดต่อประสานงานเพื่อการจัดทำเอกสารการทำธุรกรรมเพื่อการใช้บริการแพลตฟอร์มหรือบริการอื่นที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การจัดทำเอกสารทางบัญชี หรือการจัดทำสัญญา (ถ้าเกี่ยวข้อง) รวมถึงการปฏิบัติสิทธิหน้าที่ที่บริษัทมี ภายใต้เงื่อนไขการให้บริการที่บริษัทประกาศกำหนด
    • การปฏิบัติตามสัญญาอื่นที่ลูกค้าและบริษัท เป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้า รวมถึงการพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมในการเข้าร่วมกิจกรรมที่ลูกค้าอาจเข้าร่วม
  2. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่บริษัทต้องดำเนินการ เช่น การจัดทำบัญชีและชำระภาษีของบริษัท โดยเฉพาะกรณีที่ลูกค้าอาจขอใบกำกับภาษีจากบริษัท บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าเพื่อการจัดทำเอกสารดังกล่าว ตลอดระยะเวลาตามกรอบที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
  3. เพื่อการดำเนินการเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่กระทบสิทธิลูกค้า และ/หรือเจ้าของข้อมูลเกินสมควร ได้แก่
    • การสร้างและปรับปรุงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่บริษัทมีกับลูกค้า ซึ่งอาจรวมถึงการวิเคราะห์ สอบสวน จัดการและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท การสอบถามความพึงพอใจในการให้บริการ การจัดทำรายงานการติดตามตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทให้แก่ลูกค้า การวิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงภาพรวมขององค์กร การฝึกอบรม หรือติดตามการให้บริการของพนักงานของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็น และอาจเก็บข้อมูลในลักษณะของสถิติที่ไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าต่อเนื่อง
    • การใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่บริษัทมีกับลูกค้า รวมถึงการวิเคราะห์ปรับปรุงการให้บริการ การออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจัดกลุ่มของลูกค้าเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ของบริษัท
    • การใช้ข้อมูลภาพถ่ายจากการเข้าร่วมกิจกรรม หรือการให้บริการติดตั้ง รวมถึงฝึกอบรมแก่พนักงานของลูกค้า รวมถึงข้อมูลความเห็นอื่น เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัท และเพื่อนำเสนอผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นที่บริษัทอาจมี
    • การเก็บข้อมูลเพื่อประโยชน์การปกป้องสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ในกรณีเกิดข้อร้องเรียนหรือการต่อสู้ใดระหว่าง บริษัทและลูกค้า
  4. ในกรณีที่ได้รับความยินยอมจากลูกค้า บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เพื่อวัตถุประสงค์ที่ลูกค้าให้ความยินยอมเฉพาะดังกล่าว เช่น การใช้ข้อมูลเพื่อการติดต่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้าอื่นของบริษัทหรือของบริษัทในเครือ ซึ่งตรงกับความสนใจของลูกค้า ให้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางการติดต่อต่างๆ

ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทจะอ้างอิงหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ดังนี้ (ก) บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยเฉพาะความสัมพันธ์ภายใต้สัญญาให้เช่าใช้แพลตฟอร์มหรือการมีบัญชีผู้ใช้งานของลูกค้าในระบบแพลตฟอร์มของบริษัท (ข) ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติคุ้มครองสิทธิภายใต้อายุความ สูงสุด 10 ปี (ค) ตลอดระยะเวลาที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (ง) ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิของลูกค้าเกินสมควร และ (จ) กรณีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยการให้ความยินยอมของลูกค้า บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะที่ลูกค้าให้ความยินยอมดังกล่าวเป็นระยะเวลาตราบที่ลูกค้ายังไม่ได้ถอนความยินยอมนั้น

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

โดยหลักการแล้ว บริษัทจะไม่เปิดเผยส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอก แต่ในกรณีจำเป็นบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
  1. ผู้ให้บริการภายนอกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจรวมถึง (i) ผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการสนับสนุนแก่บริษัท ในการปฏิบัติหน้าที่และใช้สิทธิที่บริษัทอาจมีต่อลูกค้า (ii) ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ผู้ให้บริการที่ปรึกษาต่าง ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เฉพาะเท่าที่จำเป็น ตามกรอบเงื่อนไขการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะได้จัดทำและลงนามร่วมกับผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าว ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทมีการโอน ถ่าย และ/หรือ ส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปให้แก่ ผู้ให้บริการที่ดำเนินกิจการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศ บริษัทจะกำหนดมาตรฐานในการทำข้อตกลง และ/หรือสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ให้บริการที่จะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นที่ยอมรับ และสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จะได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย
  2. หน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่บริษัทอาจมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่หน่วยงานนั้นตามกฎหมาย ตามคำสั่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น เช่น กรมสรรพากร เป็นต้น โดยบริษัทจะเปิดเผยส่งต่อข้อมูลเฉพาะเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น
  3. กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอม บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่ลูกค้าระบุไว้เป็นการเฉพาะ

มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทรับประกันการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ บริษัทจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมตามมาตรฐานในอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

สิทธิของเจ้าของข้อมูล

บริษัทเคารพสิทธิตามกฎหมายของลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิที่มีดังต่อไปนี้ได้ตามกรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (1) สิทธิเพิกถอนความยินยอม (2) สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (3) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (4) สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น (5) สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (6) สิทธิขอให้ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็น (7) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้ หรือติดต่อเพื่อใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของท่านให้ทราบภายในระยะเวลาที่เหมาะสมตามกรอบกฎหมาย

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ที่ นายพงษ์ศักดิ์ พงศ์เกรียงยศ โทรศัพท์ติดต่อ: 089-204-0909 อีเมล: pongsak@topgunthailand.com