|
คงไม่น้อยกว่า 3 ครั้งในชีวิตที่ผมเคยได้มาสัมผัสท้องทะเลแถบนี้
แม้จะไม่มีโอกาสย้อนวัน เวลากลับไปสัมผัสบรรยากาศครั้งอดีตของคุกนรกตะรุเตา
กับเรื่องราวที่ผ่านมาอันน่าสะพรึง กลัวในยุคนั้นได้ แต่ทุกครั้งที่ได้เหยียบย่างลงไปบนผืนทรายของตะรุเตา
เรื่องราวในครั้งอดีต ก็ยังคงก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทเสมอ
อย่างไรก็ดี ตะรุเตา ในวันเวลาที่คนรุ่นผมได้ไป
สัมผัสก็คือแหล่งธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มเกาะขนาดใหญ่
2 ส่วนด้วยกัน คือ กลุ่มเกาะตะรุเตา และ กลุ่มเกาะอาดัง
ราวี โดยมีหมู่เกาะกลางและเกาะไข่ ซึ่งมีซุ้ม ประตูหินสัญลักษณ์ของอุทยานฯ
เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญ ในการเดินทางครั้งก่อนๆ
ผมมี โอกาสตระเวนสัมผัสความเป็น หมู่เกาะตะรุเตา นี้มาแทบ
จะถ้วนทั่ว แม้จะไม่ได้เห็น ทั้ง 1,490 ตารางกิโลเมตร แต่จากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพย์บนดิน
คือผืนป่าที่แทบจะไม่ มีร่องรอยของการถูกทำลาย อีกทั้งสัตว์ป่านานาชนิดที่ยังหลงเหลืออยู่
ประกอบกับสินในน้ำที่มี ทั้งแนวปะการังอันสวยงาม และสัตว์น้ำที่มีคุณค่าก็ไม่ใช่
เรื่องแปลกที่ได้รับรู้ต่อมาว่า
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนส
โก ให้เป็น 'อุทยานมรดกแห่งอาเซียน' (Asian Heritage Parks
And Reserve) เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของคนไทยที่ช่วยกันรักษามรดกของชาติไว้ได้
จากวันนั้นถึงวันนี้ผมได้มีโอกาสกลับมาเยือนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาอีกครั้ง
ด้วยจุด มุ่งหมายที่เด่นชัด นั่นก็คือการตระเวนค้นหาความบริสุทธิ์ของธรรมชาติใน
กลุ่มเกาะอาดัง ราวี
ที่อาจกล่าวได้ว่า ณ วันนี้เป็นหัวใจด้านการท่องเที่ยวของอุทยานฯ
เป็นแหล่งธรรมชาติที่ กำลังเป็นที่ใฝ่ฝันของคนทั่วโลก หากคุณเคยฝันถึง
มัลดีฟ หมู่เกาะที่งดงามที่สุดในมหา สมุทรอินเดีย ซึ่งแวดล้อมไปด้วยแนวปะการังและน้ำทะเลสีสวยใส
เกาะหลีเป๊ะ บ้านเราก็คือ ตัวแทนของมัลดีฟนั่นเอง ซึ่งในความเป็นมัลดีฟเมืองไทยของเกาะหลีเป๊ะนั้น
หากคุณสามารถ มองลงมาจากทางอากาศได้ดั่งเหยี่ยวแดงที่บินร่อนหาปลาอยู่แถบนี้
คุณก็จะพบว่าเกาะหลีเป๊ะ มีรูปร่างคล้ายบูมเมอแรงอยู่เคียงข้างกับเกาะอาดัง
มีหาดทรายขาวสะอาดเป็นแนวยาวอยู่ทาง ด้านตะวันออก และมีเวิ้งอ่าวอยู่อีกแห่งหนึ่งทางด้านตะวันตก
ที่สำคัญ เกาะหลีเป๊ะแห่งนี้จะมี แนวปะการัง และท้องน้ำสีมรกตโอบล้อมอยู่โดยรอบ
อันเป็นสัณฐานที่แทบจะเหมือนกับมัลดีฟ ในมหาสมุทรอินเดียไม่ผิดเพี้ยน
แต่มัลดีฟเมืองไทยไปสัมผัสได้ไม่ยาก >
|