|
ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อของก้อนหินบางก้อน
จากนั้นกระบวนการกัดกร่อนทางธรรมชาติ ที่มี คลื่นลมจากท้องทะเลเป็นตัวการสำคัญก็ค่อยๆ
กัดเซาะ และเปลี่ยนแปรรูปของหิน ให้เป็น ก้อนเล็กก้อนน้อย และวนเวียนถูกกระแสของคลื่นซัดเข้าหาตัวเกาะอยู่ตลอดเวลาไม่น้อยกว่า
200-300 ล้าน ปี จนในที่สุดก็เกิดเป็นหินรูปร่างกลมเกลี้ยงกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
เป็นที่น่า อัศจรรย์ใจ ซึ่ง อาจกล่าวได้ว่ามีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย
หรืออาจจะเป็นในโลกก็เป็นได้
จากเกาะหินงาม หากใช้เวลาอีกราว
1 ชั่วโมง มุ่งหน้าไปทางตะวันตก ก็จะถึงบริเวณของ กลุ่มเกาะดง
ที่ดูแล้วก็สมชื่อ เพราะบนเกาะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าดงดิบที่มีต้นไม้ขนาด
ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เกาะแห่งนี้วางตัวเป็นแนวยาวอยู่ในแนวตะวันออก-ตะวันตก
มีหาดทราย สีขาวสะอาดอยู่ทางด้านทิศเหนือหลายแห่ง บริเวณด้านเหนือของเกาะตลอดทั้งแนว
จะเป็น แหล่งดำน้ำดูปะการังที่สมบูรณ์มาก แต่ผลจากอุบัติการณ์เอลนิโญเมื่อ
4 ปีที่ผ่านมา ยังผลให้ ปะการังแถบนี้ตายแทบทั้งหมด คงเหลืออยู่บริเวณแถวเกาะผึ้ง
ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ในช่อง ระหว่างเกาะดง กับหัวเกาะราวีเท่านั้น
ส่วนทางด้านทิศใต้ของเกาะดง จะมีเกาะขนาดเล็ก เรียงรายอยู่หลายเกาะ
ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีความสวยงามก็คือ เกาะลอกวย
ซึ่งยามน้ำลง จะปรากฏหาดทรายรูปไข่ดาวสีขาวสะอาดอยู่บริเวณหัวเกาะด้านที่ติดกับเกาะ
ดง และที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งถัดจากเกาะลอกวยไปไม่เท่าไร จะเป็นที่ตั้งของหินซ้อนที่มี
ลักษณะเป็นก้อนหินซ้อนกันอยู่ 2 ก้อน มองดูไกลๆ คล้ายกับรูปศีรษะอินเดียนแดง
ผู้คนจึง นิยมมาเที่ยวชมอยู่เสมอ รวมทั้งนักดำน้ำลึกที่มักจะมาลงดำน้ำรอบๆ
เกาะแห่งนี้ที่กล่าวกันว่า มีปะการังสวยงามมาก โดยเฉพาะปะการังอ่อนสีสันสวยงามที่หาดู
ได้ยาก ดง หินงาม จาบัง
จึงนับเป็นเพชรมณีอัน มีค่ายิ่งของหมู่เกาะตะรุเตาอีกแห่งหนึ่ง
ที่ควรค่าต่อการได้ไป สัมผัส >
|