เชื่อว่าใคร ๆ ก็คงอยากเติบโตใน Career Path แบบติดสปีด ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว หรือการได้งานที่ดีกว่าเดิมเมื่อต้องการเปลี่ยนงาน อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับความสำเร็จดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ที่การไปมูหรือขอพรที่ไหนเลย หากแต่อยู่ที่ “การพัฒนาตนเอง” ให้ถูกทาง ทั้งนี้ ถ้าคุณพัฒนาทักษะได้อย่างตรงจุดและสอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ก็จะช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
7 เคล็ดลับการพัฒนาตนเอง เพื่อเติบโตในสายอาชีพอย่างรวดเร็ว
การพัฒนาตนเองคืออะไร ?
การพัฒนาตนเอง คือ กระบวนการที่เราตั้งใจปรับปรุงและเสริมสร้างความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านความรู้ ทักษะ ทัศนคติ และพฤติกรรม เพื่อให้เติบโตและก้าวหน้าในทุกมิติของชีวิต โดยการพัฒนาตนเองไม่ใช่เพียงการเรียนรู้ทักษะใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรู้จักและเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเส้นทางชีวิตที่สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่แท้จริงของเรา
ข้อดีของการพัฒนาตนเองมีอะไรบ้าง ?
เมื่อเรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง ข้อดีต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา เช่น
- ค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรา
- เพิ่มความมั่นใจในการเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ
- ปรับตัวได้ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
- มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งด้านส่วนตัวและการทำงาน
ทั้งนี้ หากมองในบริบทของการทำงาน การพัฒนาตนเองถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ เพราะในโลกที่มีการแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ คนที่พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะมีโอกาสเติบโตในสายงาน ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบงานที่ท้าทายมากขึ้น และสามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เคล็ดลับการพัฒนาตัวเอง เพื่อเติบโตในสายอาชีพ มีอะไรบ้าง ?
เมื่อเรารู้แล้วว่าการพัฒนาตนเองสำคัญต่อความก้าวหน้าในอาชีพอย่างไร คำถามต่อมาที่หลายคนสงสัยก็คือ “แล้วเราจะปรับปรุงและยกระดับความสามารถของเราอย่างไรให้เติบโตในสายงานได้มากที่สุด ?”
มาดูกันว่า 7 เคล็ดลับในการพัฒนาตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาสก้าวหน้าทางอาชีพจะมีอะไรบ้าง
1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและมีทิศทาง
การพัฒนาตัวเองเริ่มต้นจากการรู้ว่า เราต้องการไปถึงจุดไหน เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยกำหนดทิศทางและสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาได้อย่างมาก ลองถามตัวเองว่าอีก 1-5 ปีข้างหน้า คุณอยากเห็นตัวเองอยู่ในตำแหน่งไหน และมีทักษะอะไรบ้าง จากนั้นจึงแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย ๆ ที่ทำได้จริง เช่น ถ้าอยากเป็นผู้จัดการ (Manager) คุณอาจต้องพัฒนาทักษะการบริหารทีม การวางแผนงาน และการตัดสินใจ
2. ลงมือเรียนรู้ทักษะใหม่ทุกวัน
อย่างที่รู้กันว่า การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และผู้ชนะคือคนที่หมั่นเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนที่อยากก้าวไปไกลกว่าขอบเขตของตัวเอง แนะนำให้จัดสรรเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเพื่อพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานและอาชีพของคุณ ซึ่งอาจเป็นการอ่านหนังสือ ดูคอร์สออนไลน์ ฟังพอดแคสต์ หรือติดตามเทรนด์ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานปัจจุบัน เช่น ทักษะดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล หรือความรู้ด้าน AI เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรมองว่าคุณเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า และสามารถสร้างประโยชน์ให้องค์กรในระยะยาวได้
3. ฝึกทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
ไม่ว่าคุณจะทำงานในตำแหน่งหรือสายงานไหน ทักษะการสื่อสารที่ดีและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญมาก แนะนำว่า ในการทำงานประจำวัน ให้ฝึกการนำเสนอความคิด การฟังอย่างตั้งใจ การให้ข้อมูลที่ชัดเจน และการรับมือกับความเห็นที่แตกต่าง เนื่องจากทักษะเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมให้คุณได้รับโอกาสในการทำงานที่สำคัญและท้าทายมากขึ้น
4. สร้างคอนเน็กชันและหา Mentor
การสร้างเครือข่ายคอนเน็กชันทั้งภายในและภายนอกองค์กร จะช่วยเปิดโอกาสในการเรียนรู้และความก้าวหน้า ซึ่งคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมในอุตสาหกรรม งานสัมมนา หรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน นอกจากนี้ แนะนำให้ลองขอคำปรึกษาจากเมนเทอร์หรือพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์มากกว่าเพิ่มด้วย เพราะพวกเขาคือผู้ช่วยชั้นดีที่จะให้คำแนะนำอันมีค่า แชร์มุมมอง และชี้แนะแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับเส้นทางอาชีพของคุณได้
5. เปิดรับ Feedback และนำมาปรับปรุง
เป็นเรื่องธรรมดาที่ในการทำงาน เราจะต้องได้รับฟีดแบ็กทั้งดีและไม่ดี ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า ถือเป็นโอกาสสำคัญอันดับต้น ๆ ในการเติบโตเลยก็ว่าได้ ดังนั้น แทนที่จะรู้สึกเสียใจหรือปกป้องตัวเองเมื่อได้รับคำวิจารณ์ ลองเปลี่ยนมุมกลับและปรับมุมมองให้เป็นข้อมูลมีค่า ที่จะช่วยให้คุณเห็นจุดที่ต้องปรับปรุง พร้อมกันนั้น ก็ควรจดบันทึกข้อเสนอแนะ วิเคราะห์คำแนะนำนั้น ๆ อย่างตรงไปตรงมา และวางแผนพัฒนาตนเองจากสิ่งที่ได้รับฟัง เพราะสิ่งนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถรับมือกับคำติชมได้ และยังสามารถนำฟีดแบ็กเหล่านั้นมาพัฒนาตัวเองได้อีกด้วย
6. สร้างนิสัย Growth Mindset และคิดเชิงบวก
Growth Mindset คือความเชื่อว่าความสามารถของเราพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้ แทนที่จะคิดว่า “ฉันทำไม่ได้” ให้เปลี่ยนเป็น “ฉันยังทำไม่ได้ในตอนนี้ แต่ฉันสามารถเรียนรู้ได้” เพราะทัศนคติแบบนี้จะช่วยให้คุณไม่ย่อท้อเมื่อเจอความท้าทายหรือความล้มเหลว อีกทั้งยังช่วยให้คุณมองทุกอุปสรรคเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่องค์กรต่าง ๆ มองหาในพนักงานที่มีศักยภาพสูง
7. บริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาตนเองต้องใช้เวลา แต่เราทุกคนมีเวลาในแต่ละวันเท่ากัน ดังนั้น การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นทักษะสำคัญ ลองจัดลำดับความสำคัญของงานและกิจกรรมพัฒนาตนเอง กำจัดสิ่งรบกวนและกิจกรรมที่ไม่จำเป็น รวมถึงใช้เทคนิคอย่าง Pomodoro (ทำงาน 25 นาทีสลับกับพัก 5 นาที) หรือ Time blocking (จัดสรรช่วงเวลาเฉพาะสำหรับงานแต่ละประเภท) โดยทักษะการบริหารเวลาไม่เพียงช่วยให้คุณมีเวลาพัฒนาตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการเติบโตในระดับที่สูงขึ้นในองค์กรอีกด้วย
การพัฒนาตนเองถือเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายาม อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง โอกาสก้าวหน้าในสายอาชีพก็จะมาถึงเร็วกว่าที่คิด
สำหรับผู้ที่สนใจตำแหน่งงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการโครงการ (Project Manager) สำหรับเด็กจบใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นเป็น Project Manager หรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานให้ก้าวหน้าขึ้น สามารถเริ่มต้นค้นหางานที่ใช่ได้เลยที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานและรายละเอียดที่จำเป็นไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังมี Super Resume ที่จะช่วยให้คุณนำเสนอจุดแข็งได้อย่างโดดเด่นในสายตาของ HR อีกด้วย เริ่มต้นใช้งานได้แล้ววันนี้ผ่านทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
ข้อมูลอ้างอิง
- Self Development: The 8 Ways You Need to Start Working on It. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568. จาก //www.clockster.com/en/blog/self-development-the-8-ways-you-need-to-start-working-on-it.
