เช็ก 5 สัญญาณอันตราย Workload พร้อมวิธีรับมือก่อนสาย

             ในยุคที่การทำงานเต็มไปด้วยการแข่งขัน ทำให้หลายคนต้องแบกรับภาระงานที่มากเกินไป จนอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพงานและคุณภาพชีวิต ดังนั้น การรู้จักสังเกตและจัดการกับ Workload จึงเป็นทักษะสำคัญสำหรับคนทำงานยุคใหม่

แชร์วิธีรับมือเมื่อเจอเวิร์กโหลดหนัก จัดการภาระงานให้ได้ผล !

Workload คืออะไร ?

             Workload หรืองานโหลด คือปริมาณงานทั้งหมดที่บุคคลต้องรับผิดชอบในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งรวมถึงงานประจำ งานเร่งด่วน และงานพิเศษที่ได้รับมอบหมาย เมื่อเวิร์กโหลดมากเกินไป อาจนำไปสู่ความเครียด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว  เช่น ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout)

ปริมาณงานโหลดที่มากเกินไป คือสาเหตุความเครียดของวัยทำงาน

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเผชิญกับ Workload หนักเกินไป

             การเผชิญกับเวิร์กโหลดที่หนักเกินไปมักมาพร้อมกับสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม การสังเกตและรับมือกับสัญญาณเหล่านี้ตั้งแต่เริ่ม จะช่วยให้สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • รู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง แม้จะพักผ่อนเต็มที่แล้วก็ตาม โดยอาจเริ่มมีปัญหาการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ หรือตื่นมารู้สึกไม่สดชื่น นอกจากนี้ยังมีอาการทางกายภาพ เช่น ปวดหัวเรื้อรัง ปวดไหล่ หรือรู้สึกหมดพลังในแต่ละวัน
  • ต้องทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าปริมาณงานโหลดกำลังเกินขีดจำกัด จนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
  • ขาดสมาธิในการทำงาน จดจ่อกับงานได้ยากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำงานผิดพลาดในเรื่องที่ไม่เคยพลาดมาก่อน เช่น ลืมรายละเอียดสำคัญ ส่งงานล่าช้า หรือทำงานได้ไม่ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวแย่ลง เพราะไม่มีเวลาพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือปัญหาด้านการสื่อสารในระยะยาว

             สูญเสียแรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกหมดไฟ และไม่มีความสุขกับงานที่ทำ เช่น ตื่นมาไม่อยากไปทำงาน ไม่สนุกกับสิ่งที่ทำ หรือมองว่างานเป็นเพียงภาระ ซึ่งอาจเป็นผลจากการแบกรับเวิร์กโหลดที่หนักเกินไปในระยะเวลานาน

4 วิธีรับมือกับ Workload อย่างมือโปร

             การจัดการกับเวิร์กโหลดอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงช่วยลดความเครียด แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว โดยมีวิธีรับมือกับเวิร์กโหลด ดังนี้

1. จัดลำดับความสำคัญของงาน

             หนึ่งในวิธีสำคัญที่สุดของการจัดการ Workload คือการเรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญของงานเพื่อให้สามารถโฟกัสกับงานที่มีผลกระทบสูงที่สุด

  • แยกงานเป็นหมวดหมู่ตามความเร่งด่วนและความสำคัญ โดยใช้หลักการ Eisenhower Matrix โดยแยกงานเป็น 4 หมวด ได้แก่ งานที่สำคัญและเร่งด่วน งานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน งานเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และงานที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน
  • เริ่มจากงานที่สำคัญและเร่งด่วนก่อนเสมอ เพราะมักส่งผลโดยตรงต่อเป้าหมายในการทำงาน จึงควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก
  • เรียนรู้ที่จะปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็น หากงานใดไม่สำคัญและไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมาย ควรปฏิเสธ หรือต่อรองเลื่อนกำหนดการ เพื่อไม่ให้ภาระงานล้นมือ

2. วางแผนและบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

             การวางแผนที่ดีช่วยให้สามารถจัดการกับปริมาณงานโหลดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดจากการทำงาน โดยมีตัวช่วยในการจัดการและบริหารเวลา ดังนี้

  • ใช้เครื่องมือจัดการงาน เช่น ปฏิทินออนไลน์ (Google Calendar) หรือแอปพลิเคชันช่วยเตือนงาน  เพื่อให้มองเห็นงานทั้งหมดในภาพรวม
  • กำหนดเวลาสำหรับแต่ละงานให้ชัดเจน เพื่อสร้างเป้าหมาย ช่วยให้โฟกัสกับงานมากขึ้น หลีกเลี่ยงการเลื่อนกำหนดส่ง
  • แบ่งงานใหญ่เป็นงานย่อย เพื่อลดความซับซ้อน ทำให้จัดการงานได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งลดความกดดันที่อาจเกิดจากการมองงานใหญ่ว่าเป็นภาระหนัก
การวางแผนและบริหารเวลา เพื่อจัดการเวิร์กโหลดอย่างมีประสิทธิภาพ

3. สื่อสารกับหัวหน้าและทีมงาน

             การสื่อสารที่ดี เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับเวิร์กโหลด โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยสามารถทำได้ด้วยวิธี ดังนี้

  • แจ้งสถานะงานและอุปสรรคที่เผชิญให้ทีมรับรู้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์และสามารถช่วยกันหาวิธีแก้ไขได้
  • กล้าขอคำแนะนำหรือความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น หากรู้สึกว่างานบางอย่างเกินความสามารถ หรือเกินขีดจำกัด ควรขอความช่วยเหลือจากหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมทีม

             พูดคุยกับหัวหน้าเมื่อ Workload เกินพอดี เช่น การปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของงาน หรือการกระจายงานไปยังสมาชิกในทีม

4. ดูแลสุขภาพกายและใจ

             การดูแลสุขภาพทั้งกายและใจมีความสำคัญไม่แพ้การจัดการงาน เพราะจะช่วยให้พร้อมรับมือกับภาระงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง พร้อมรับมือกับงานในวันถัดไป
  • หาเวลาทำสมาธิ หรือออกกำลังกาย เพื่อลดความเครียด และเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายและจิตใจ
  • แบ่งเวลาให้ครอบครัว หรือคนใกล้ชิด เพื่อช่วยเติมพลังใจและสร้างความสุขในชีวิต

             การจัดการ Workload ที่ดี ไม่ได้หมายถึงการทำงานให้หนักขึ้น แต่คือการทำงานให้เป็นอย่างชาญฉลาด เมื่อรู้จักสังเกตสัญญาณและรับมืออย่างเหมาะสม คุณจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีมากขึ้น

             สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับภาวะ Workload และรู้สึกว่าการเปลี่ยนงานใหม่คือทางออกที่เหมาะสม สามารถค้นหางานที่ใช่ได้เลยที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่รวมงานหลากหลายประเภทจากบริษัทชั้นนำไว้มากมาย ไม่ว่าคุณกำลังมองหางานและต้องการสมัครงาน Data Analyst หรืองานในตำแหน่งใด แม้จะไม่มีประสบการณ์ ก็หางานง่าย ได้งานดี พร้อมตัวช่วยอันทรงพลังอย่าง Super Resume ที่จะช่วยยกระดับโปรไฟล์สมัครงานของคุณให้โดดเด่นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นที่ JOBTOPGUN ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้แล้ววันนี้ ทั้งระบบ iOS และ Android หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-853-6999 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. How To Effectively Handle a Heavy Workload. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 จาก //www.indeed.com/career-advice/career-development/heavy-workload

สมัครงานกับบริษัทชั้นนำทันที สร้าง Super Resume (ใบสมัครงาน) เลย ฟรี!

คำค้นหายอดนิยม

..