ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจกำลังไปได้ดี ? ถึงแม้ลูกค้าจะเยอะ แต่ถ้าต้นทุนสูงเกินไป หรือพนักงานทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจก็อาจไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว ดังนั้น KPI จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือนำทางที่ช่วยให้องค์กรรู้ว่ากำลังอยู่ ณ จุดไหน และต้องปรับปรุงอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

KPI คืออะไร ? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่
KPI คืออะไร ?
Key Performance Indicator หรือ KPI คือ ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่องค์กรใช้วัดและประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน แผนก หรือองค์กรโดยรวม โดยทั่วไป KPI จะถูกกำหนดขึ้นให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ขององค์กร
KPI คือตัวชี้วัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เพราะช่วยให้ทั้งผู้บริหารและพนักงานมีกรอบการทำงานที่ชัดเจน มีเป้าหมายที่วัดผลได้ และสามารถติดตามความคืบหน้าของงานได้อย่างเป็นระบบ
เหตุผลที่องค์กรต้องมีการประเมิน KPI คืออะไร ?
1. วัดความสำเร็จขององค์กรอย่างเป็นรูปธรรม
การประเมิน KPI คือแนวทางที่ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามและวัดผลความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ความรู้สึกหรือการคาดเดา แต่เป็นตัวเลขและข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ยอดขาย อัตราการเติบโต หรือระดับความพึงพอใจของลูกค้า ส่งผลให้องค์กรสามารถประเมินสถานการณ์และวางแผนการดำเนินงานในขั้นต่อไปได้อย่างแม่นยำ
2. กำหนดมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน
KPI คือตัวชี้วัดที่ช่วยสร้างมาตรฐานในการทำงานที่ทุกคนเข้าใจตรงกัน กล่าวคือ พนักงานรู้ว่าต้องทำอะไร ทำอย่างไร และต้องทำให้ได้ระดับไหนจึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ ช่วยลดความคลุมเครือและความขัดแย้งในการประเมินผลงานได้มาก
3. สร้างแรงจูงใจให้พนักงานพัฒนาตนเอง
เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน พนักงานก็จะมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ซึ่งเป็นธรรมดาที่ KPI ที่ดีจะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ก็สามารถทำได้จริง ทำให้พนักงานรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ
4. ระบุจุดแข็งและจุดอ่อนในการดำเนินงาน
การติดตาม KPI อย่างสม่ำเสมอช่วยให้องค์กรเห็นภาพรวมของการดำเนินงาน สามารถระบุได้ว่าส่วนใดที่ทำได้ดี และส่วนใดที่ต้องปรับปรุง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในการวางแผนพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5. ช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
นอกจากจะช่วยวัดผลการปฏิบัติงานแล้ว KPI ยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้บริหารใช้ในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เช่น การจัดสรรงบประมาณ การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ โดยการมีข้อมูล KPI ที่ถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากขึ้น

แนวทางการประเมิน KPI รายบุคคลขององค์กรส่วนใหญ่
KPI รายบุคคล คือ ตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานที่กำหนดขึ้นเฉพาะสำหรับพนักงานแต่ละคน เพื่อใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการทำงานและความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายที่ได้รับมอบหมาย โดยองค์กรส่วนใหญ่มีแนวทางการประเมิน KPI รายบุคคล ดังนี้
1. การกำหนด KPI รายบุคคล
การกำหนด KPI รายบุคคลคือแนวทางที่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เริ่มจากการกำหนดตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่งงาน ซึ่งต้องสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร นอกจากนี้ องค์กรสมัยใหม่ยังเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการกำหนด KPI ของตนเอง เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น
2. องค์ประกอบที่ใช้ในการประเมิน KPI
การประเมิน KPI มักประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- Core KPIs – ตัวชี้วัดหลักที่สะท้อนผลสำเร็จของงานตามบทบาทหน้าที่
- Supporting KPIs – ตัวชี้วัดสนับสนุนที่ช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายหลัก
- Competency – สมรรถนะหรือความสามารถที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน
3. กระบวนการประเมิน KPI
กระบวนการประเมิน KPI ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่
- การตั้งเป้าหมายที่มีความท้าทายแต่สามารถบรรลุได้
- การติดตามผล ตรวจสอบความคืบหน้าและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
- การประเมินผลสำเร็จ เทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้
4. การให้ Feedback และการพัฒนา
การสื่อสารผลการประเมินต้องทำอย่างสร้างสรรค์และเป็นรูปธรรม โดยระบุจุดแข็งที่ควรรักษาและจุดที่ควรพัฒนา พร้อมทั้งร่วมกันวางแผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในอนาคต
5. การเชื่อมโยงกับระบบบริหารทรัพยากรบุคคล
ผลการประเมิน KPI มีความสำคัญต่อการบริหารทรัพยากรบุคคลในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- การพิจารณาปรับเงินเดือนและโบนัส – ใช้เป็นเกณฑ์ในการให้ผลตอบแทนตามผลงาน
- การวางแผนความก้าวหน้าในอาชีพ – ช่วยระบุศักยภาพและโอกาสในการเติบโต
- การพิจารณาโยกย้ายหรือเลื่อนตำแหน่ง – ใช้ประกอบการตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งงาน
หนึ่งในอาชีพมาแรงที่จะได้ทำงานกับ KPI ที่หลากหลาย คงหนีไม่พ้นตำแหน่งคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator) ที่สามารถวัดผลลัพธ์ได้จากทั้งจำนวนผู้เข้าชมคอนเทนต์ อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) ยอดแชร์ ไปจนถึงการแปลงผู้ชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate) หากคุณกำลังมองหาโอกาสเติบโตในสายงานนี้ เรามีตำแหน่งที่น่าสนใจรอคุณอยู่ ! สมัครงาน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator) พร้อมสร้าง Super Resume ผ่าน JOBTOPGUN ได้แล้ววันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสทำงานกับบริษัทชั้นนำที่มีระบบ KPI ที่ชัดเจนและเป็นธรรม ด้วยการพิจารณาจากรีวิวจริงที่จะช่วยให้คุณรู้จักบริษัทมากขึ้น ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรี ทั้งระบบ iOS และ Android หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-853-6999