เริ่มสายแดดกล้าขึ้น คนนำทางที่พายไปกับเราก็พามาถึงเขาหินแตก ซึ่งมีสภาพเป็นเขาหินปูนตั้งชันกลางน้ำ ผาหินสีขาวสึกกร่อนเต็มไปด้วยรอยแตกเป็นทางนับไม่ถ้วน ส่วนยอดสุดและไล่ลงมาตามหลืบร่องร่า ๆ ปกคลุมด้วยพรรณไม้ดงดิบและพรรณไม้ทนแล้งครึ้มที่นั่นมีเรือคายักทัวริงสีแดงสดของฝรั่ง 3-4 ลำลอยนิ่งอยู่ก่อนแล้ว

"ฮัลโหล หยุดดูอะไรกันหรือ" ผมถามฝรั่ง (แปลเป็นภาษาไทยแล้ว) "แลงเคอร์" (ค่าง) ฝรั่งตอบ บนยอดไม้ไม่สูงนักมีค่างแว่นถิ่นใต้ (Dusky Langur) 3 ตัวโดดไปมาอวดโฉมอยู่ บางตัวทำท่าไม่ไว้ใจสีเรือแดงฉูดฉาดของฝรั่ง มันเลยร้องขู่ เรารีบส่องกล้องขึ้นไปดูหน้าตาน่ารักของมันให้ชัด ๆ เรือทุกลำจอดสนิท ปล่อยลอยลำในความเงียบชื่นชมวิถีชีวิตบนเรือนยอดของเจ้าเพื่อนร่วมโลกตัวน้อย ขนดำ แถมยังหางยาวอีก สักพัดเดียวก็มีเสียงชะนีเพศผู้และเพศเมียร้องโต้ตอบกันดังโหยหวนมาจากหุบเขาใกล้ ๆ เหมือนขบวนคายักของเรากำลังตกอยู่ในวงล้อมของธรรมชาติดิบเถื่อน หยุดดูค่างที่เขาหินแตกจึงเป็นการให้ฝีพายทุกคนพักผ่อนไปในตัว
...

 

ผมวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้ชื่นใจแล้วไปต่อ แดดเริ่มแรงเพราะใกล้เที่ยงแล้ว เลยหยุดที่แพเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เพื่อกินข้าวเที่ยงกัน เติมแรงเติมกำลัง จวบจนย่ายกว่าเราจึงเร่งพายไปดูนกกาฮัง (Great Hornbill) ที่เขาพ่อตาโชงโดง แต่ไม่พบตัวมัน เห็นแต่โพรงรังซึ่งแปลกประหลาดมาก เพราะสร้างอยู่ในรูหินปูนตรงหินผาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผิดกับนกเงือกทั่วไปที่ใช้โพรงในไม้ใหญ่สร้างรัง เห็นไหมว่าพอน้ำท่วมต้นไม้ใหญ่หมด นกเงือกจึงต้องปรับตัวแบบนี้ คนเรือบอกว่าช่วงที่แม่และลูกนกยังอยู่ในโพรงหิน แม่นกใช้มูลของมันปิดปากโพรงจนเหลือช่องนิดเดียวสำหรับป้อนอาหาร ต่ำลงมาที่ตีนผามีแพไม้ไผ่เล็ก ๆ พอคนเข้าไปนั่งได้ 1 คน รูปร่างคล้ายบังไพรลอยน้ำ (blind) ที่นักวิจัยนกเงือกเขามาสร้างทิ้งไว้สำหรับสังเกตพฤติกรรมนกเงือก โชคดีก่อนเรากลับมีนกแก๊ก (Oriental Pied Hornbill) หลายตัวบินออกมาให้ชื่นใจ

เย็นย่ำฟ้าครึ้มฝนเทเช่นเคย ขบวนคายักจึงเปียกปอนกันไปอีกคำรบหนึ่ง สู้ตายครับ
--->

  back to mainpage / previous / next
  content / page 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 Travel guide
..