ในวันสุดท้ายอากาศแจ่มใสมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง จนพวกเราพากันคิดเข้าข้างตัวเองว่าฝนคงไม่กระหน่ำเหมือน 2 วันที่ผ่านมา ช่วงกลางวันเราพายผ่านแพนางไพรซึ่งเป็นแพหนึ่งในความดูแลของกรมป่าไม้ นับเป็นแพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาเพราะตั้งหันหน้าไปทางเทือกเขาหินปูนสัณฐานพิสดารยอดแหลมสูง ๆ ต่ำ ๆ เรียงรายที่เรียกกันว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ยิ่งถ้าเป็นตอนเช้าด้วยแล้วผมก็เห็นด้วยเลยว่าคล้ายกุ้ยหลินที่เมืองจีนมาก เนื่องจากมนต์เสน่ห์แห่งสายหมอกกับภูผาสูงอิงแอบกันไว้ พาให้รู้สึกเย็นชื่นและลึกลับน่าเกรงขามมากทีเดียว

จนตะวันใกล้ตกดินนั่นแหละ แผนการไปดูค้างคาวของพวกเราจึงเป็นจริง ทว่าจากแพต้นน้ำที่พวกเราพักไปยังจุดที่ค้างคาวหากินนั้นไกลเกินกว่าจะพายคายักไปกลับก่อนมืด สมาชิกฝีพายเลยต้องทยอยกันขึ้นเรือหางของคุณนิยม ที่เขาแม่ยายบางบานซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับเขาพ่อตาโชงโดงล้วนมีสภาพเป็นเขาหินปูนสูงชันและพรรณไม้ปกคลุมส่วนยอดเขียวครึ้มอยู่ อาทิตย์คล้อยลงมา ผีตากผ้าอ้อมฟ้ากลายเป็นสีเหลืองทอง เวลา 06.45 น. ของทุกวันตรงเผงราวมีนาฬิกาปลุก ค้างคาวแม่ไก่ (Pteropus sp.) หรือ Flying Fox นับหมื่นตัวเริ่มผละออกจากต้นไม้บนยอดเขาหินปูน แล้วบินเป็นสายมุ่งสู่ทิศตะวันตกซึ่งมีสภาพเป็นป่าดิบผืนใหญ่ ค้างคาวแม่ไก่จัดเป็นค้างคาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือเมื่อแผ่ปีกทั้งสองออกเต็มที่แล้วจะกว้างถึง 1.5 เมตรทีเดียว ! มันเป็นค้างคาวกินผลไม้ครับ ดังนั้นหน้าที่ของธรรมชาติคือช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดให้แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางมาก เห็นค้างคาวแม่ไก่พวกนี้แล้วผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เราเกิดมามีหน้าที่อะไรตามธรรมชาติบ้าง แล้วเราได้ทำตามนั้นหรือยัง

ฟ้ามืดสนิทลงขณะที่เรือหางยาวพาเราแล่นกลับแพพัก มาพายคายักเขาสกคราวนี้ช่างได้ประสบการณ์สุดวิเศษอันหลากหลายแก่ชีวิต ได้พบเห็นความอลังการของเทือกเขาหินปูนมหึมาในม่านหมอก ผืนน้ำเรียบสีเขียวมรกต ผืนป่าดิบและพรรณพืชมากมายอีกทั้งได้เรียนรู้ชีวิตของเจ้าสัตว์ต่าง ๆ ยิ่งกว่านั้นผมยังค้นพบความหมายของคำว่า "เที่ยวอย่างเข้าใจธรรมชาติ" ลึกซึ้งขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย

ขอขอบคุณ บริษัท Dynatrend Thai ที่สนับสนุนเรือคายักและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการถ่ายทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดียิ่ง

คู่มือท่องเที่ยว --->

  back to mainpage / previous / next
  content / page 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 Travel guide
..