แล้วก็ถึงเวลาสำคัญ ขบวนคายักพายอาบแดดอุ่นยามเช้าบ่ายหน้าลงใต้โดยมีเขาถ้ำจันทร์เป็นจุดหมาย จากภูเขาลูกเล็ก ๆ กลางน้ำไกลลิบที่มองแทบไม่เห็นในครั้งแรก มันก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ใหญ่ขึ้น ๆ จนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเรา หัวใจของผมพองโตไปหมด ดีใจครับที่ได้มาเห็นปาล์มพระราหูกับสองตาจริง ๆ หลายคนคงจะแปลกใจว่าทำไมถึงตื่นเต้นนักกับอีแค่ต้นปาล์ม ความจริงมันไม่ธรรมดาเลยนะครับ ปาล์มพระราหู (Maxburretia furtadoana) จัดเป็นปาล์มเฉพาะถิ่นที่พบในเมืองไทยเท่านั้น ไม่พบในที่อื่นใดในโลกอีกนอกจากบริเวณเทือกเขาพระราหู อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดเป็นพรรณไม้ที่หายากระดับโลกซึ่งมีประชากรในธรรมชาติค่อนข้างน้อย อีกทั้งกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะบนเขาหินปูนแถบนี้ จึงเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์สูงมาก องค์การ IUCN (International Union for Conservation of Nature and Natural Resources) ได้จัดให้ปาล์มพระราหูเป็นพืช 1 ใน 12 ชนิดแรกของโลกที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด
...

เราจอดคายักลอยลำเลียบผาหินปูนตั้งชันที่มีปาล์มพระราหุแตกกอเกาะชะง่อนผาชูใบสีเขียวสะท้อนแดดสวยงาม มีลักษณะเป็นปาล์มขนาดเล็ก ความสูงไม่เกิน 3-5 เมตร อีกทั้งมีเส้นใยสีน้ำตาลและหนามแหลมห่ออยู่รอบลำต้น พวกเราคลักกล้องออกมาจากถุงกันน้ำ ต่างคนต่างยกกล้องขึ้นถ่ายภาพแบบไม่ยั้ง นิเวศบนเขาหินปูนเอื้อให้ปาล์มพระราหูดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสม อย่าคิดไปเก็บมาเลี้ยงเองเด็ดขาด เพราะที่บ้านเราสภาพแวดล้อมไม่เหมือนธรรมชาติ มันจะตายเอาเสียเปล่า ๆ นอกจากปาล์มพระราหูที่เขาถ้ำจันทร์แล้ว ตามเกาะน้อยใหญ่กลางน้ำซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นยอดเขาสูง จะมีพรรณไม้ของป่าดงดิบบางส่วนหลงเหลือเป็นร่องรอยถึงความอุดมในอดีต โดยเฉพาะต้นค้อ (Livistona sp.) และต้นฉก (Arenga pinnata) พรรณไม้ในวงศ์ปาล์ม (Palmae) ที่มีจำนวนมากและโดดเด่นอยู่ในป่าดิบภาคใต้นี้

--->