อาจจะ 2 หรือ 3 กิโลเมตรที่หนทางเดินป่าคดเคี้ยวและชันขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงสุดท้ายกลับกลายเป็นการปีนป่ายผาหินปูนแหลมคมซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เหงื่อท่วมตัว ผมหอบแฮ่กขณะที่ขึ้นถึงยอดจุดชมวิวพอดี เรานั่งพักชมผืนป่าดิบแน่นขนัด มีเทือกเขาหินปูนท่วมเว้าแหว่งไปตามไหล่เขาต่างๆ ยามอยู่บนที่สูงเช่นนี้ผมมักปล่อยสมองให้จินตนาการอะไรไปไกลๆ แต่คราวนี้ผมกลับรู้สึกเศร้าเพราะเสียดายผืนป่าและชีวิตสัตว์ที่จมมิดอยู่ใต้เขื่อน

"โน่นๆ เห็นไหมอะไร" คุณนิยมสะกิดผม "อะไรหรือพี่" ผมย้อนถาม "ปาล์มพระราหู" คุณนิยมยิ้มเห็นฟันขาว พลางชี้มือขึ้นไปบนหน้าผา ใช่จริงๆ ด้วย ปาล์มพระราหู พรรณไม้เฉพาะถิ่นที่จัดว่าหายากมาก และพบอยู่เฉพาะบนเทือกหินปูนแถบเขาสกเท่านั้น แต่เพราะผาหินนั้นอยู่ไกลมาก ปาล์มพระราหูที่เห็นตอนนี้จึงเล็กจิ๋ว "มีแน่ แล้วพี่จะพาไปดู" คุณนิยมยิ้มอีกจนเห็นฟันขาวชุดเดิม เย็นวันนั้นฝนตกหนักมาก ทั้งลม ทั้งฝน ทั้งคลื่น ฟ้าร้องคำราม ผ่าเปรี้ยงปร้าง จนเราต้องจอดเรือหลบกันที่แพของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ สรุปวาอดดูค้างคาวบินออกหากินไปตามระเบียบ

คายักชมพรรณไม้

"วู้ก...วู้ก...วู้ก...วู้..." เสียงเจ้าชะนีตัวเดิมร้องก้องป่าตั้งแต่เช้า แต่ผมตื่นนานแล้วล่ะ จริง ๆ เมื่อคืนวานนอนไม่ค่อยหลับเลยเพราะอยากให้เช้าเร็ว ๆ จะได้พายเรือไปดูปาล์มพระราหูตามที่นัดกับคุณนิยมไว้ สำหรับคนอื่นผมไม่รู้ แต่ตัวผมเป็นคนรักต้นไม้มาก ยิ่งเป็นการเข้ามาศึกษาพรรณพืชต่าง ๆ ในแหล่งธรรมชาติด้วยแล้ว ต่อให้ลำบากแค่ไหนก็คือความสุขอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อผมเริ่มมาพายเรือคายักเคลื่อนที่ได้เงียบ ไม่รบกวนธรรมชาติหรือก่อมลพิษใด ๆ ทั้งสิ้น จึงน่าจะสามารถพายคายักออกไปตามเกาะในทะเลหรือตามป่าชายเลนแล้วหยุดศึกษาพรรณพืชแปลก ๆ รวบรวมชนิดพันธุ์ใหม่ ๆ ในจุดที่เข้าถึงด้วยพาหนะอื่นได้ยาก คงจะทำประโยชน์ให้กับวงการพฤกษศาตร์ได้ไม่มากก็น้อย ดีกว่าพายเรือเที่ยวเอามันอย่างเดียว

--->

  back to mainpage / previous / next
  content / page 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 Travel guide
..